18 ต.ค.62 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 19.20 น. ที่รัฐสภา น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ช่วงหนึ่งว่า การทำงบขาดดุลของรัฐบาล อาจจะเกิดหนี้สาธารณะ โดยบางคนเปรียบเทียบว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ามีหนี้สาธารณะสูงที่สุด ภาพรวมอาจจะเป็นเช่นนั้น
"แต่หากดูรายละเอียดจะพบความจริงว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนั้นปีงบประมาณ 2555 -2557 มีการกู้เงินทั้งสิ้น 950,000 ล้าน เฉลี่ย 2 ปี แต่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการใช้เงินกู้ปีละ 4.5 แสนล้าน ขณะที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น 2.2 หมื่นล้าน แต่เบิกกู้จริงเพียง 2 ล้าน แต่เมื่อหารจากปีที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้บริหารงบประมาณตั้งแต่ปี 2558-2562 พบว่าค่าเฉลี่ยเงินกู้อยู่ที่ประมาณปีละ 408,000 ล้านบาท"
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า เมื่อดูค่าเฉลี่ยต่อปีพบว่ามีการกู้เงินน้อยกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปีละ 38,000 ล้านบาท และหากยังจำได้ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มี 1 โครงการที่เป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศ นั่นก็คือ โครงการรับจำข้าว ซึ่งขณะนั้นตัวเลขเงินกู้ไม่ได้ ปรากฏในร่างงบประมาณ เพราะเป็นการกู้จากงบประมาณกึ่งการคลัง ซึ่งปัจจุบันพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังได้มีการกำหนดเรื่องนี้ไว้ ซึ่งสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีหนี้จากโครงการจำนำข้าว 8.8 แสนล้านบาท เป็น 1 ในภาระเงินกู้ที่รัฐบาลต้องจัดสรรในทุกๆ ปี ส่วนหนึ่งมาจากต้องไปชดใช้ในโครงการนี้ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 แสนล้านบาท หรือ 7.5%จากเงินกู้ทั้งหมดของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
ต่อมาเวลา 19.52 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และเป็นดาวสภาพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขอใช้พาดพิงกรณีที่น.ส.วทันยาว่า สิ่งที่น.ส.วทันยาพูดกำลังทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขการจำนำข้าว ซึ่งก็ไม่รู้ใครทำตัวเลขมาให้ ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกเขาไปแยกรายการแบบนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้นตนบอกว่าซื้อเรือดำน้ำหมื่นกว่าล้านบาทแล้วแยกไปชำระหนี้ได้หรือไม่ หรือแม้แต่บอลลูนที่บินไม่ขึ้นถามว่าเอามาชำระหนี้ได้หรือไม่ ฉะนั้นจึงอย่าทำแบบนี้ เพราะพยายามบอกว่าเสียหายจากการจำนำข้าว แล้วนำมาหาร และพูดว่ารัฐบาลทำถูก
นายจิรายุ กล่าวต่อว่าส่วนที่บอกว่ารัฐบาลในอดีต ประเทศไทย ไม่ค่อยไปไหน เพราะชอบพูดถึงอดีต หากบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ใช้งบประมาณ 3 ล้านล้านบาทไปทำอะไรแล้วเราเห็นด้วย ก็จะยกมือให้ แต่เมื่อพาดพิงไปถึงอดีตก็ต้องมีการชี้แจง เพราะบางเรื่องเป็นข้อเท็จ แต่บางเรื่องก็เป็นข้อจริง ส่วนที่บอกว่า 3 ปีตั้งแต่ปี 55 ถึงปี 57 มีการกู้โดยรัฐบาลที่แล้ว ตกปีละประมาณ 446,000 ล้านบาท รวมแล้ว 3 ปีกู้ไป 950,000 ล้านบาท และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากู้ 5 ปีตั้งแต่ปี 58-62 จำนวน 2.042 ล้านล้านบาท ซึ่ง 3 ปีกับ 5 ปีก็ไม่เหมือนกัน แล้วมาพูดตีกินแบบนี้ได้อย่างไร
ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นต่อมารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาในปี 57 เกิดน้ำท่วม ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลไหนก่อนหน้านั้น มีการแบกหนี้ต่อเนื่อง จึงต้องมีการตั้งงบประมาณขาดดุล และกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ ดังนั้นหากยังวนอยู่กับอดีตไม่ก้าวไปข้างหน้า บ้านเมืองก็เดินไปไม่ได้ นอกจากนี้ในส่วนของวิธีคิดการชำระเงินของประเทศ สิ่งที่ไม่ได้เงินคืนคือการสร้างโรงพยาบาลโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่เราได้สวัสดิการเพื่อประชาชน ถ้าบอกว่ากระทรวงสาธารณสุขของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ใช้ปีหนึ่ง 5 แสนล้านบาทแต่ไม่มีรายได้คืนแล้วนำมาหาร บอกว่ารัฐบาลเป็นหนี้แบบนี้ได้หรือไม่
"จึงฝากบอกไปยังซีกรัฐบาลให้ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ พวกเราอดทนฟังมา 2 วัน เป็นคำชี้แนะจากซีกฝ่ายค้านก็รับไว้ หากใช้การเมืองแบบเดิมไปพูดเรื่องอดีตแล้วต่อว่าต่อขานก็จะไม่จบ"
ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมต้องรีบตัดบท และเปิดให้ผู้อภิปรายคนอื่นได้ขึ้นอภิปรายทันที โดยน.ส.วทันยา ไม่ได้ชี้แจงอย่างไร
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |