ผจก.แบงก์ยูโอบีสาขาฟิวเจอร์พาร์คขับเบนซ์เฉี่ยวชนกับรถตู้และเก๋งอีกคัน เกิดไฟลุกท่วม โชคดีที่หนีตายออกมาได้ แค่บาดเจ็บพร้อมสาวที่นั่งไปด้วย ตำรวจอยู่ระหว่างสอบหาสาเหตุ
    เมื่อเช้าวันที่ 12 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่การทางพิเศษทางด่วนอุดรรัถยาว่า มีรถชนกันและเกิดเพลิงลุกไหม้รถยนต์ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 19+400 บนทางด่วนอุดรรัถยา ปากเกร็ด มุ่งหน้าบางปะอิน ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนและรถดับเพลิง
    บนทางด่วนอุดรรัถยา พบเพลิงกำลังลุกไหม้รถเก๋ง 1 คัน รถดับเพลิงใช้เวลาราว 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ปรากฏเป็นรถเก๋งยี่ห้อเบนซ์ ซีคลาส หมายเลขทะเบียน 1 กณ-73 กรุงเทพฯ เสียหายทั้งคัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน นำส่งโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ชื่อนายวิชัย วัชระวาณิชกุล อายุ 53 ปี ผู้จัดการธนาคารยูโอบี สาขาฟิวเจอร์พาร์ค อยู่บ้านเลขที่ 89/320 หมู่ที่ 5 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ขับรถเบนซ์คันดังกล่าว ส่วนอีกคนคือ น.ส.ชนาธิป เชี่ยวสิริถาวร อายุ 26 ปี ที่นั่งไปด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บทั้งสองไปรักษาต่อยัง รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น 
    นอกจากนี้ยังมีรถตู้หมายเลขทะเบียน ฮค-3502 กทม.ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคันเช่นกัน โดยมีนายสมบูรณ์ นิลจันทร์ อายุ 45 ปี ชาวจังหวดสุรินทร์ เป็นคนขับและปลอดภัย ห่างกัน 100 เมตร พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ทะเบียน กฉ-2926 ลพบุรี ถูกชนด้านหลังซ้ายได้รับความเสียหาย โดยมี น.ส.ภัทรนิษฐ์ ผาติตุลยพัฒน์ ชาวลพบุรี เป็นคนขับ  
    น.ส.ภัทรนิษฐ์ให้การว่า ขับรถขึ้นทางด่วนมาจากหลักสี่ กำลังจะกลับบ้านจังหวัดลพบุรี ถึงที่เกิดเหตุ รู้สึกว่ามีรถมาชนท้าย ตนจึงค่อยๆ ขับรถประคองเข้าข้างทาง จากนั้นก็เห็นมีควันพุ่งออกมาจากรถตู้ ก่อนจะเห็นรถเบนซ์ถูกไฟไหม้อีกคัน
    ส่วนนายสมบูรณ์คนขับรถตู้บอกว่า ขับรถมาจากบางนากำลังจะไป จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุตนได้มองดูกระจกหลัง เห็นรถเบนซ์ขับมาด้วยความเร็วสูงและชนเข้าที่ด้านท้ายรถของตนจนพลิกคว่ำ ตนจึงรีบหนีออกมาก่อนที่ไฟจะไหม้รถทั้งสองคัน
    ตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุการชนกันครั้งนี้ โดยจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป.