18 ต.ค.62- ผู้สื่อข่าวรายงานถึงประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจง ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายโจมตีนโยบายแก้ปัญหาภาคใต้ว่าใช้ทหารนำการเมือง รวมทั้งอาศัยวิกฤตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ว่า ภาพรวมการก่อเหตุในภาคใต้ถือว่าลดลง แต่มีการเปลี่ยนรูปแบบโดยใช้การเมืองนำการใช้กำลังมากขึ้นเพื่อกดดันรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีการที่องค์กรต่างประเทศก็ยอมรับ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้ทหารนำการเมือง นอกจากแผนความมั่นคงที่มีแผนการพัฒนาควบคู่ไปด้วย อีกทั้งการแก้ปัญหาภาคใต้ก็มีเอกภาพ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งมีแผนบูรณาการที่ปรับให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เคลื่อนไหวเสรี ทั้งในและนอกประเทศ คำว่าเสรีคือไม่เปิดเผยตัวตน และไม่สามารถยึดพื้นที่ได้ เพราะถ้าผู้ก่อเหตุยึดเมื่อใด เราโจมตีเมื่อนั้น ทั้งนี้แนวคิดแบ่งแยกดินแดน เรียกร้องเอกราชจากรัฐไทย ยังมีอยู่ ท่านทราบหรือไม่ว่าองค์กรไหนนำ ซึ่งไม่ท่านไม่ทราบ แต่ตนทราบ
นายกฯ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาของรัฐบาลมีเป้าหมายคือยุติความรุนแรงเพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ลดความเสี่ยงในการละเมิดสิทธิมนุษยชน แนวคิดบิดเบือนความรุนแรง และบิดเบือนศาสนาต้องหมดไป และต้องขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ทำลายศักยภาพแกนนำผู้ก่อเหตุ หรือแนวร่วมระดับปฏิบัติการ รวมทั้งยุติกระบวนการบ่มเพาะเยาวชน ทั้งนี้ขอกราบเรียนว่าเราไม่ใช้กำลังทหารเพียงอย่างเดียว แต่มีแผนบูรณาการเพื่อการพัฒนา 3 กลยุทธ์หลัก 12 กลยุทธ์ย่อย และ 13 แผนงาน ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ ทหารตำรวจ ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แม้แนวโน้มการสูญเสียจะลดลง แต่ตนก็ไม่พอใจ การเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว ยืนยันเจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยใช้อาวุธก่อน มีแต่ป้องกันตัวเอง และ ดูแลเป้าหมายที่อ่อนแอเท่านั้น
"ดังนั้น การจะพูดเรื่องภาคใต้ต้องระมัดระวังเพราะละเอียดอ่อน กระทบกับหลายเรื่อง และผมก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยรัฐบาลดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ผ่านหลายโครงการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน โดยผมได้อ่านตัวอย่างจากประเทศจีนผ่านหนังสือจำนวน 11 เล่ม แต่เราทำอย่างเขาไม่ได้เพราะเราไม่ใช่สังคมนิยมประชาธิปไตย ประเทศเขาสั่งได้ทั้งหมด ประชาชนขัดขวางไม่ได้ ผมถามว่าประเทศไทยทำได้หรือไม่ หากทำได้ผมทำให้ทันที ขอมติต่อสภาด้วยแล้วกัน แต่ถ้าเราจะเอาอะไรของต่างประเทศมาทำ มันทำไม่ได้ทั้งหมดการแก้ปัญหาพื้นที่ภาคใต้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนซับซ้อน เราไม่เหมือนประเทศอื่น อย่าไปยกตัวอย่างเหมือนประเทศอื่น เพราะประเทศอื่นมีการยึดพื้นที่ บางแห่งเจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ได้ แต่ของเราเจ้าหน้าที่เข้าได้ทุกตารางนิ้ว แต่มีความเสี่ยง” นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการชี้แจง นายกฯ ได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “เรามีทั้งคนเดือดร้อนและไม่เดือดร้อน มีทั้งคนเสี่ยงและไม่เสี่ยง เพราะฉะนั้นอย่าทำให้คนทั้งสองส่วนมีปัญหาซึ่งกันและกัน เราก็มีปัญหาในการขับเคลื่อนของรัฐบาล เมื่อกี้มีคนพูดว่าแสวงประโยชน์จากภาคใต้ ผมไม่เอาชีวิตคนมาเพื่อประโยชน์ของผมหรือใครก็ตาม โดยเด็ดขาด ชีวิตใคร ใครก็รัก ผมรับผิดชอบเขา ทหาร เมีย ลูกเขา ผมจะให้สู้ไปทำไม จะซื้ออาวุธทำไม คิดอย่างนี้คิดได้อย่างไร ผมว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะจะพูดในสภาฯ หรือที่ไหนก็แล้วแต่ ชีวิตคนใครก็รัก ผมเป็นทหารมาก่อน ลูกน้องทุกคนชีวิตเขา พาเขาไปรบ ถ้าตายใครจะรับผิดชอบ ผมก็รับผิดชอบ คิดอย่างนี้สิครับ ผมว่าหากไม่มีทหารใครจะไป ไม่มีทหารเกณฑ์แล้วใครจะไปรบ ถ้ามีสงครามจ้างคนไปรบ ถามหน่อยใครจะกล้าไปรบบ้าง ทหารเขาต้องมาฝึก เพื่อเข้าไปสู้รบ แม้รู้ว่าข้างหน้าจะตาย เขาก็ไป เพราะเขาเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชาว่าไม่ทิ้งเขา และครอบครัวจะได้รับการดูแล เยียวยา นี่คือหลักการของผู้นำ ต้องนึกถึงชีวิตเขาทุกเรื่อง ยามปกติต้องนึกถึงเขา มีบ้าน มีสาธารณสุขขั้นพื้นฐานในค่ายเพื่อที่จะเรียกเขามาใช้งาน 24 ชั่วโมง อันนี้คือทหาร มิเช่นนั้นก็ไปไม่ได้กันทั้งหมด เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มา”
ทั้งนี้ ทันทีที่ นายกฯ พูดจบ ได้เปลี่ยนท่าทีและอารมณ์อย่างชัดเจนพร้อมกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ก็ขอโทษ วันนี้ตั้งใจจะไม่พูดรุนแรง แต่พอดีพูดเรื่องการสู้รบก็ต้องเอาหน่อย ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ เดี๋ยวไปพักข้างนอกนิดนึง ลดอารมณ์นิดนึง”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |