รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคว่ำบาตรกระทรวงและรัฐมนตรีด้านกลาโหมและพลังงานของตุรกี หวังบีบยุติปฏิบัติการรุกโจมตีกองกำลังเคิร์ดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียที่ผ่านมาครบ 1 สัปดาห์ แต่ไม่มีวี่แววว่าตุรกีจะรามือ
ทหารตุรกีและนักรบอดีตกบฏซีเรียรวมตัวบริเวณชานเมืองทางเหนือของเมืองมานบิจใกล้ชายแดนตุรกีเมื่อวันจันทร์ / AFP
ประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ของตุรกีเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในดินแดนภายใต้การควบคุมของชาวเคิร์ดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อวันพุธที่ 9 ตุลาคม ภายหลังคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีทรัมป์ แล้วทรัมป์ก็สั่งถอนทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐ 50 นายที่เฝ้าที่มั่น 2 แห่งบริเวณชายแดนซีเรีย-ตุรกี การตัดสินใจของทรัมป์ถูกตีความว่าเป็นการเปิดไฟเขียวให้แอร์โดอัน แต่ทรัมป์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธคำกล่าวหานี้ โดยได้ขู่จะคว่ำบาตรและเล่นงานเศรษฐกิจของตุรกีหากปฏิบัติการเลยเถิด
"ผมเตรียมอย่างเต็มที่ที่จะทำลายเศรษฐกิจของตุรกีอย่างฉับพลัน หากพวกผู้นำตุรกียังคงเดินไปในเส้นทางของการทำลายล้างและอันตราย" ทรัมป์กล่าว พร้อมกับประกาศแผนจะเก็บภาษีศุลกากรเหล็ก รวมถึงระงับการเจรจาการค้ากับตุรกีมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ด้วย
เมื่อวันจันทร์ รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แถลงที่กรุงวอชิงตันว่า สหรัฐจะไม่ยอมอดกลั้นให้ตุรกีรุกรานซีเรียไปมากกว่านี้ และเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงแล้วเจรจากัน เขาจะเดินทางไปตุรกีในเร็วๆ นี้ เพนซ์ยังเผยด้วยว่า ทรัมป์ได้โทรศัพท์ถึงแอร์โดอันเพื่อเรียกร้องให้หยุดยิง
ด้านสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวขณะแถลงร่วมกับเพนซ์ว่า สหรัฐตัดสินใจคว่ำบาตรกระทรวงกลาโหมและพลังงานของตุรกี รวมไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม, มหาดไทย และพลังงาน โดยจะอายัดทรัพย์สินที่มีอยู่ในสหรัฐและห้ามการทำธุรกรรมในระบบการเงินของสหรัฐ
แอร์โดอันเปิดปฏิบัติการขับไล่กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ที่กองกำลังเคิร์ดเป็นแกนนำ โดยอ้างว่าเพื่อจัดตั้ง "เขตปลอดภัย" สำหรับการตั้งถิ่นฐานของผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 3.6 ล้านคนในซีเรียขณะนี้ ผู้ลี้ภัยจำนวนมากไม่ใช่ชาวเคิร์ด และนักวิจารณ์เตือนว่าอาจนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชากรชาวเคิร์ดที่เป็นคนท้องถิ่น
ปฏิบัติการรุกโจมตีของตุรกีตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม คร่าชีวิตพลเรือนแล้วหลายสิบคน เกือบทั้งหมดเป็นชาวเคิร์ด และยังทำให้มีคนไร้ถิ่นฐานอีกไม่ต่ำกว่า 160,000 คน โดยกองทัพตุรกีและกบฏซีเรียที่ตุรกีหนุนหลังสามารถควบคุมชายแดนเป็นระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตรแล้ว แต่ฝ่ายเคิร์ดยังรักษาเมืองราสอัลไอน์ไว้ได้
รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า นักรบเอสดีเอฟซึ่งใช้เครือข่ายอุโมงค์, เนินดิน และสนามเพลาะเป็นแนวป้องกัน พยายามปกป้องเมืองราสอัลไอน์ โดยองค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียกล่าวว่า นักรบเคิร์ดเกิดการตีโต้ครั้งใหญ่ใกล้กับเมืองนี้ การปะทะกันรอบเมืองยังดำเนินต่อเนื่องถึงวันอังคาร ถึงแม้ว่ารัฐบาลตุรกีจะอ้างว่ายึดพื้นที่ได้แล้วก็ตาม
ทางฝั่งตะวันตก รอบเมืองมานบิจ เอสดีเอฟก็กำลังสู้รบกับนักรบซีเรียตัวแทนของตุรกี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตกบฏที่ตุรกีว่าจ้างและติดอาวุธ
อีกด้านหนึ่ง สื่อของทางการซีเรียรายงานว่า กองทัพซีเรียเคลื่อนกำลังเข้าเมืองมานบิจแล้ว หลังจากเข้าควบคุมเมืองเทลทาเมอร์ เมืองสำคัญบนทางหลวงสายเอ็ม 4 ไว้ได้ก่อนหน้านี้
กองกำลังเคิร์ดหันมาจับมือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อดึงกองทัพซีเรียช่วยต้านทานการรุกของตุรกี โดยในวันเดียวกันนั้น รัฐบาลสหรัฐประกาศถอนทหารอีกกว่า 1,000 นายออกจากภาคเหนือของตุรกี ทหารเหล่านี้เคยทำหน้าที่สนับสนุนทางอากาศ, ช่วยเหลือภาคพื้นดิน และฝึกนักรบชาวเคิร์ดซีเรียเพื่อสู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) มาตั้งแต่ปี 2557 กระทั่งโค่นไอเอสได้เมื่อต้นปีนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |