ว่ากันแบบเบาๆ ในช่วงคริสต์มาส


เพิ่มเพื่อน    

            วันจันทร์นี้...ตรงกับ วันคริสต์มาส พอดิบพอดี ดังนั้น...ถ้ายังมัวไปหยิบเอาเรื่องบิ๊กป้ง บิ๊กป้อม คาดนาฬิกายี่ห้ออะไรมั่ง โรหล่ง โรเล็กซ์ ปาต๊ง ปาเต๊ะ อะไรต่อมิอะไรมาว่ากันแบบเรื่อยๆ เจื้อยๆ มันออกจะไม่ค่อยซานตาคลอสมากมายซักเท่าไหร่นัก คือไม่ได้เข้ากับบรรยากาศความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่  ความเมตตา กรุณา การเสียสละ และ ความรัก อันถือเป็นแก่นสาระของวันคริสต์มาส เผลอๆ อาจส่งผลให้ เสียบรรยากาศ ไปซะอีกต่างหาก...

                                                     ------------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...คงต้องรอไปว่ากันช่วง วันฮัลโลวีน ก็แล้วกัน ซึ่งก็น่าจะยังไม่ถึงกับสายไปนัก เพราะเห็นๆ ว่า ป.ป.ช.รุ่นปลดล็อกหรือรุ่นที่ไม่ได้ถูกรีเซต เซตซีโร ท่านอาจอยู่ยาวไปถึง 9 ปี 10 ปีโน่นเลย  แถมยังอาจสามารถแอบฟังโทรศัพท์ อีมง อีเมล์ ใครก็ตาม โดยเฉพาะประเภทที่ชอบพูดถึงเรื่องนาฬิกาบิ๊กป้อม เพื่อเอามาใช้ประกอบสำนวนการสืบสวน สอบสวน ก่อนตัดสินใจชี้มูลได้แบบสบายๆ ส่วนจะถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ ประการใด อันนั้น...ก็คงต้องว่ากันไปตามเหตุผลรสนิยม ของใคร-ของมันกันเอาเองก็แล้วกัน แต่ถ้าว่ากันแบบ กลางๆ แบบไม่ได้มีนอก มีใน ไม่ได้เกี่ยวกับสายไหนต่อสายไหน อะไรก็ตามที่ถือเป็น อำนาจ ต่างๆ นานานั้น มันอาจไม่ได้ถึงกับอันตราย หรือชั่วช้า ด้วยตัวของมันเอง แต่คงขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้อำนาจนั้นๆ นั่นแหละเป็นหลัก...

                                                    -------------------------------------------------------

            อย่างที่อภิมหาปราชญ์แห่งวงการพระศาสนา ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านพูดไว้หลายครั้ง หลายหน  ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละว่า เผด็จการโดยธรรม นั้น...ยังเป็นสิ่งที่ พอรับได้ คือถ้า อำนาจ ใดๆ ก็ตาม อยู่ในมือผู้ใฝ่ธรรม ผู้ยึดมั่นในธรรม โอกาสที่จะส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปในแนวที่ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นไปตามครรลอง คลองธรรม ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ เผลอๆ อาจจะดีกว่า  ประชาธิปไตยที่ปราศจากธรรม หรือประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นท่ามกลางประชาชนที่ไม่ได้ยึดมั่นในธรรม  ไม่ได้สนใจคุณธรรม ศีลธรรม ใดๆ เอาเลย ขอแค่ โกงแล้วเอามาแบ่งกันมั่ง อันนี้...ย่อมมีแต่ฉิบหายกับฉิบหาย อย่างที่เคยฉิบหายกันมาพอสมควรแล้ว ในช่วง ทศวรรษแห่งความมืดมน นั่นเอง...

                                                    -------------------------------------------------------

            พูดง่ายๆ ว่า...แม้กระทั่ง ต้นตำรับประชาธิปไตย อย่างชาวกรีกก็ตาม อภิมหานักปราชญ์ชาวกรีก อย่าง เพลโต ท่านยังไม่คิดจะเอาด้วยกับประชาธิปไตยแบบเป็นแท่งๆ ด้ามๆ มากมายซักเท่าไหร่นัก  โดยแนวๆ ท่านออกจะคล้ายๆ กับ ท่านพุทธทาส ของเรานั่นแหละ คือท่านเห็นว่าถ้าหากอำนาจใดๆ ก็ตาม ตกอยู่ในมือของ กษัตริย์นักปรัชญา (Philosopher King) อันนั้นนั่นแหละ...ถือว่า เข้าท่า ที่สุด  แต่ก็อย่างว่า...ความเป็น กษัตริย์นักปรัชญา ของ เพลโต นั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ ต้องผ่านการฝึก การอบรม บ่มสอน การขัดเกลาให้อยู่ในครรลองคลองธรรม แบบชนิดเผลอๆ อาจหนักซะยิ่งกว่าการสอนธรรมะการสอบเปรียญ 8 เปรียญ 9 ของพระสงฆ์องคเจ้าเอาเลยถึงขั้นนั้น เรียกว่าพอๆ กับการ บรรลุอรหันต์ เอาเลยโน่นแหละ ถึงจะมีสถานะเป็น Philosopher King ได้แบบจริงๆ จังๆ

                                                        --------------------------------------------------------

            ดังนั้น...ระบอบการปกครองที่ดีที่สุด ตามแบบฉบับของ เพลโต จึงออกจะไม่ค่อย เวิร์ก ซักเท่าไหร่ ไม่ว่าในสายตาชาวกรีกหรือชาวชาติอื่นๆ ในช่วงต่อมา ส่วนใหญ่ก็หันไปคว้าประชาธิปไตย คณาธิปไตย อภิชนาธิปไตย หรือไม่ก็เผด็จการไปตามเรื่อง ตามราว โดยแทบไม่ได้ให้ความสนใจต่อ  ธรรมะ อันถือเป็นจุดเน้นหนักของ เพลโต หรือของ ท่านพุทธทาส แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ อำนาจ ต่างๆ นานา มันเลยออกไปทางชั่วบ้าง-ไม่ชั่วบ้าง แล้วแต่ว่าใครจะเป็นผู้ควบคุมอำนาจนั้นๆ แม้จะพยายาม ถ่วงดุล กันไปมา เอาไอ้นั่นไปถ่วงไอ้นี่ เอาไอ้นี่ไปถ่วงไอ้นั่น แต่ถ้าไอ้ที่เข้ามาถ่วง หรือไอ้ที่ถูกถ่วงมันดัน ชั่ว ซะอย่างแล้ว ก็ยิ่งน่าปวดหัวหนักเข้าไปใหญ่ เผลอๆ กลายเป็นถ่วงประเทศทั้งประเทศไปเลยก็ยังมี...

                                                     ----------------------------------------------------------

            การตัดสินใจว่า อำนาจ ใดๆ...เหมาะ-ไม่เหมาะกับชาติ บ้านเมือง แต่ละช่วง แต่ละระยะ จึงคงไม่ได้เกี่ยวกับ ตัวอำนาจ มากมายซักเท่าไหร่ แต่คงขึ้นอยู่กับ ตัวบุคคล ที่จะเข้าไปถือครองอำนาจนั้นๆ นั่นแหละ เป็นหลักใหญ่ และสิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการชี้วัด ตัดสินใจ ว่ามันอันตราย-ไม่อันตราย ชั่ว-ไม่ชั่ว ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ธรรม นั่นแล ไม่ใช่การวัด ตัดสิน กันด้วยความถูกใจ-ไม่ถูกใจ ความชอบ-ความชัง ไปตามรสนิยมส่วนตัว หรือตามการ ปรุงแต่ง ของอารมณ์ความรู้สึกไปเป็นพักๆ เพราะอันนั้นนั่นเอง...ที่มันมักก่อให้เกิดความไม่ปรองดอง ไม่สมานฉันท์ ไม่รู้-รัก-สามัคคี จนออกอาการเละกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง มาโดยตลอด...

                                                       --------------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนาฬิกาบิ๊กป้อม เรื่องลูกน้องบิ๊กป้อม...ประทานโทษ เรื่อง ป.ป.ช.แอบฟังโทรศัพท์ ไปจนถึงเรื่องการวี้ดๆ แว้ดๆ ของบิ๊กตู่ ฯลฯลฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็ตามที ก็คงต้องเอาสิ่งที่เรียกว่า ธรรม นั่นแหละเข้ามาจับ แล้วก็น่าจะพอเห็นๆ ได้ไม่ยากว่า มันน่าจะเป็นไปในแนวไหน  เพียงแต่สิ่งที่สำคัญเอามากๆ ก็คือว่า ผู้ที่นำเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องวัดตัดสิน คงต้องเป็นผู้ที่ใฝ่ธรรมและยึดมั่นธรรมควบคู่ไปด้วย ไม่งั้น...มันคงไม่ต่างไปจากการเอาดีใส่ตัว-เอาชั่วใส่คนอื่น กลายเป็นขนมผสมน้ำยา หรือกลายเป็นชั่วพอๆ กัน ส่งผลให้ใครต่อใครเลยไม่อยากจะยุ่งด้วย สู้หันไปหา บิ๊กตูน หรือคุณน้อง ตูน ผู้ไม่ได้สนใจ อำนาจ ใดๆ เลยก็ไม่ได้ ตั้งหน้า ตั้งตา เอาแต่วิ่งลูกเดียว จนยอดบริจาคทะลุเป้าไปเป็นพันๆ ล้านเข้าไปแล้ว ชนิดสามารถทำให้ ธรรมกลายเป็นอำนาจ ไม่ใช่ อำนาจคือธรรม อย่างผู้ที่อยู่ในแวดวงอำนาจทั้งหลาย...

                                                      --------------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Japanese proverbs...“Man may bend to virtue, but virtue cannot bend to men. - คนต้องหันเข้าหาคุณธรรม ไม่ใช่ให้คุณธรรมหันเข้าหาคน...”

                                                     -------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"