ในคดีถือครองหุ้นสื่อก่อนการเลือกตั้งของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้เวลาการพิจารณาคำร้องมานานร่วม 5 เดือน นับแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ รับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อ 23พ.ค.2562 พร้อมกับสั่งให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
ก็มีการคาดหมายกันว่า หากเสียงข้างมากของตุลาการศาล รธน.พิจารณากันหลังจากฟังคำเบิกความ-เสร็จสิ้นการไต่สวนผู้ร้อง-ผู้ถูกร้อง และพยานที่ศาล รธน.ออกหมายเรียกมาเบิกความรวมทั้งสิ้น 10 คน ในช่วงเย็นวันศุกร์นี้ 18 ต.ค.เสร็จสิ้น ศาลก็จะประกาศให้คู่ความและสาธารณชนทราบว่า ศาล รธน.จะนัดประชุมตุลาการศาลรธน.เพื่อลงมติและอ่านคำวินิจฉัยกลางในคดีธนาธรในวันใด เพื่อจะได้รู้กันเสียทีว่า ธนาธร จะได้กลับมาทำหน้าที่เป็น ส.ส.อย่างเต็มตัว หรือสุดท้าย ธนาธร จะต้องพ้นจากเส้นทางการเมืองเพราะถูกโทษแบนในความผิดฐานมีเจตนาถือครองหุ้นสื่อก่อนลงเลือกตั้ง ทั้งหมดน่าจะรู้กันภายในไม่เกินสิ้นเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกรณีความเป็นไปได้ที่ในวันที่ 18 ต.ค. ศาล รธน.อาจจะยังไม่นัดประชุมตุลาการศาล รธน.เพื่อตัดสินคดีและอ่านคำวินิจฉัยกลางบนเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการ
1.การไต่สวนผู้ร้องคือ ตัวแทนจากสำนักงาน กกต.กับฝ่ายผู้ถูกร้องคือธนาธร และพยานที่ศาลเรียกมา 10 ปาก ไม่จบภายในวันที่ 18 ต.ค.
ถ้าเป็นเช่นนี้ ศาลก็อาจต้องนัดประชุมไต่สวนพยานเพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ก็เป็นไปได้ เพราะการเรียพยานมาถึง 10ปาก ในวันเดียว ถือว่าเยอะพอสมควร ยิ่งหากมีการซักถาม ไต่สวนกันอย่างละเอียดถึงขั้นตอนต่างๆ เช่น การทำบัญชีผู้ถือหุ้น-การโอนหุ้น ที่ตุลาการต้องการรายละเอียดมาก การไต่สวนพยานแต่ละคนก็อาจใช้เวลานานกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม ในอดีตก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญก็เคยใช้เวลาไต่สวนพยานยาวนานรวดเดียววันเดียวจบ ตั้งแต่เช้า 10 โมง จนถึงเกือบ 3 ทุ่ม ในการพิจารณาคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยไม่ได้มีการขยายเวลาการไต่สวนออกไป เพื่อให้การไต่สวนสิ้นกระแสความไปเลย
ดังนั้น คดีธนาธรก็อยู่ที่การไต่สวนพยานของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 ต.ค.แล้วว่าจะวันเดียวจบ หรือจะต่อเวลาต่อไปอีกสักหนึ่งนัด แล้วค่อยนัดวันลงมติและอ่านคำวินิจฉัย
2.เป็นกรณีที่มีการไต่สวนพยานเสร็จสิ้นทั้ง 10 ปากในวันที่ 18 ตุลาคม แต่ศาลอาจจะยังไม่นัดวันลงมติและอ่านคำวินิจฉัยกลาง
กรณีนี้จะเกิดขึ้นหากว่าหลังเสร็จสิ้นการไต่สวนผู้ร้อง-ผู้ถูกร้องและพยานจบสิ้นแล้ว ที่โดยปกติพอไต่สวนจบ จากนั้นตุลาการศาล รธน.จะขอเวลาสักครู่หนึ่งประมาณ 20-30 นาที เพื่อไปนั่งหารือกันในห้องประชุมเล็กหลังบัลลังก์ศาล รธน. แล้วจากนั้นก็จะมีการประกาศว่าจะนัดลงมติและอ่านคำวินิจฉัยในวันใด ซึ่งกรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผลการหารือของตุลาการศาล รธน. หลังบัลลังก์เสียงส่วนใหญ่ เห็นพ้องกันว่า พยานหลักฐานต่างๆ ที่ตุลาการได้รับทั้งก่อนหน้านี้และในวันไต่สวน ได้ข้อเท็จจริงมากเพียงพอจนสิ้นกระแสความแล้ว ตุลาการสามารถนำข้อเท็จจริงไปปรับกับข้อกฎหมายเพื่อตัดสินคดีได้แล้ว จากนั้นตุลาการทั้งหมดก็จะกลับมานั่งที่บัลลังก์ เพื่อแจ้งต่อคู่ความว่าจะนัดลงมติและอ่านคำวินิจฉัยในวันใด
แต่หากผลการหารือหลังบัลลังก์ อย่างกรณีคดีของ "ธนาธร” ถ้าเสียงส่วนใหญ่ของวงประชุมหลังบัลลังก์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าฟังการไต่สวนทั้งหมดแล้ว ยังเห็นว่าเป็นคดีที่มีความละเอียดซับซ้อนและผลการไต่สวนทำให้ได้พยานหลักฐาน-ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลจากคำเบิกความของพยานเข้ามาเพิ่มอีกมาก อีกทั้งเป็นเรื่องใหม่ที่ตุลาการไม่เคยทราบมาก่อน ต้องใช้เวลาศึกษาสักระยะ
หากเกิดกรณีดังกล่าวก็อาจเป็นไปได้ ในวันที่ 18 ต.ค. ศาลก็อาจยังไม่ประกาศ ว่าจะนัดลงมติและวินิจฉัยในวันใด ที่หากเป็นแบบนี้ก็หมายถึง ก็อาจต้องรอไปอีกสัก 1สัปดาห์ เพื่อที่การประชุมตุลาการศาล รธน.สัปดาห์หน้า ก็อาจมีการแจ้งในเอกสารข่าวของศาล รธน.ว่าจะนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีของธนาธรในวันใด
ถึงตอนนี้ผู้คนที่ติดตามความคืบหน้าคดีธนาธรเทน้ำหนักความเชื่อไว้ว่า ศาล รธน.น่าจะนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีของธนาธรในวันที่ 18 ต.ค.นี้เลย เพราะมองว่าการที่ศาลเปิดห้องไต่สวนพิจารณาคดีของธนาธรหลังรับคำร้องไต่สวนไปร่วมสี่เดือนก่อนจะถึงวันที่ 18 ต.ค. แสดงว่า ตุลาการแต่ละคนก็ต้องมีข้อมูล แนวทางการพิจารณาตัดสินคดีไว้ระดับหนึ่งแล้ว เพียงแต่ต้องการข้อเท็จจริงบางอย่างให้ชัวร์มากขึ้น เพื่อให้การวินิจฉัยคดีสะเด็ดน้ำ สิ้นกระแสความ จึงให้มีการเปิดห้องไต่สวนคดี เพื่อที่ตุลาการจะได้ไต่สวนและฟังคำตอบจากบุคคลที่ศาล รธน.เรียกมาเพื่อให้ปมที่สงสัยหมดไปก่อนวินิจฉัยคดี ดังนั้น เมื่อพยานทั้ง 10 ปาก มาเบิกความต่อศาล รธน.เสร็จสิ้น ก็น่าจะทำให้ตุลาการทั้ง 9 คน สามารถตัดสินคดีได้แล้ว
ต้องลุ้นกันว่า สุดท้ายแล้ว 18 ต.ค.นี้ ศาล รธน.จะนัดอ่านคำตัดสินคดีธนาธรวันใด ท่ามกลางปริศนาที่ยังไม่มีคำยืนยันจากฝ่ายใดว่า พยาน 10 ปาก ที่ศาลเรียกมาในวันดังกล่าว นอกจากจะได้เห็นธนาธรแล้ว สิ่งที่หลายคนรอติดตามกันก็คือแล้ว คนอื่นๆ ในครอบครัว "จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการโอนหุ้นบริษัท วีลัค-มีเดีย ของธนาธร ตามคำร้องของ กกต. ทั้ง “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของนายธนาธร”–“รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยานายธนาธร” รวมถึง ลูกพี่ลูกน้องของธนาธรที่เป็นหลานนางสมพร ที่มีชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นด้วยอีกสองคน จะต้องมาเบิกความต่อศาล รธน.ในวันดังกล่าวด้วยหรือไม่
ปริศนาเรื่องนี้ต้องรอดูกันวันที่ 18 ต.ค.นี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |