ลากไส้'พท.-ธนาธร' แรมโบ้ชี้สันดานไม่เปลี่ยน เพื่อไทยตื่นซัดบิ๊กตู่บงการ


เพิ่มเพื่อน    


    นายกฯ ลั่นเลิกทะเลาะกันได้แล้ว วันนี้ต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ หากด่าประเทศเหมือนด่าบรรพบุรุษตัวเอง ปลุกคนรุ่นใหม่รุ่นเก่าต้องไปด้วยกัน พปชร.ป้อง "บิ๊กแดง" พูดห่วงใยบ้านเมือง "แรมโบ้อีสาน" ลากไส้ "เพื่อแม้ว" ตัวปลุกปั่นสร้างความแตกแยก จี้หยุดได้แล้ว จวก "ธนาธร" เล่นเกมนอกระบบอย่าเอาประเทศไปเป็นเครื่องมือเกิดความขัดแย้งกับประเทศอื่น "หมอวรงค์" เตือนควรมีสำนึกก่อนเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวชักศึกเข้าบ้าน  "เพื่อไทย" ข้องใจนายกฯ ให้ท้าย ผบ.ทบ.พูดกลบขาลง จี้เด้งเข้าทำเนียบฯ "ศรีสุวรรณ" จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ "ธนาธร" ผิดจริยธรรม
    เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 ตุลาคม ที่โรงเรียนช่างอากาศอำรุง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี คู่สมรส ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาดคูคลองถวายพระราชกุศลและน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยระหว่างทาสีริมทางเท้า น.ส.ธนิกานต์ พรพงสาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้เข้ามาแนะนำตัว พร้อมกล่าวว่า ตนเองเป็นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมทำงานกับคนรุ่นเก่า ซึ่งคนรุ่นเก่ามีประสบการณ์ ส่วนคนรุ่นใหม่มีไอเดีย 
    จากนั้น นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปศึกษาว่าระบบราชการเป็นอย่างไร กฎหมายอยู่ตรงไหน ซึ่งกฎหมายก็มีอยู่แล้ว จะไปฝืนกฎหมายก็ไม่ได้ แต่หากจะแก้ไขก็ต้องเป็นไปตามช่องทาง วันนี้ต้องการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ หากจะด่าหรือว่าประเทศชาติก็เหมือนด่าตัวเอง ด่าบรรพบุรุษของตัวเอง 
    โดยเมื่อนายกฯ พูดถึงช่วงนี้ น.ส.ธนิกานต์ได้กล่าวขึ้นว่า "วันนี้หมดเวลาด่าประเทศชาติแล้ว เราต้องร่วมมือร่วมใจกัน แต่ก็ยังมีบางพรรคที่ทำอยู่" จากนั้นนายสนธิรัตน์ได้กล่าวสวนขึ้นมาว่า เรากำลังทำการเมืองสร้างสรรค์กันอยู่
    หลังจากนั้นนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนแยกแยะกันออกแล้ว หากไม่ทำการเมืองสร้างสรรค์ การเมืองก็จะปฏิรูปต่อไปไม่ได้ โดยข้าราชการ รัฐบาล และประชาชน ต้องร่วมมือกัน นี่คือหลักการประชาธิปไตย หากร่วมมือกัน ประเทศไทยจะก้าวไกลและยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลจะเริ่มต้นและประชาชนมาร่วม จึงต้องมาดูว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้นักการเมืองทั้งรุ่นเก่า รุ่นกลางและรุ่นใหม่ต้องไปด้วยกัน แต่มีบางคนชอบว่าประเทศเหมือนชอบว่าตัวเอง 
    นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า มาทาสีวันนี้ก็ให้นายกฯ อบรมการเมืองไปด้วย และยืนยันว่ามาทำกิจกรรมวันนี้ไม่ได้ต้องการจะมาดรามา แต่เป็นการกระตุ้นสร้างแรงจูงใจในการทำกิจกรรม และขอให้เลิกทะเลาะกันได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เลยช่วงหาเสียงมาแล้ว เดี๋ยวจะมีคนว่ามาหาเสียงอีก ทั้งนี้ กิจกรรมในวันนี้เป็นการย่อให้เห็นว่าเราได้ทำอะไรกันบ้าง ส่วนที่เหลือก็ไม่ได้ทำวันนี้วันเดียว
     พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงกรณีทหาร จปร.40 เข้าแจ้งจับบุคคลอ้างเป็นนักเรียนนายร้อยโพสต์โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าได้รับรายงานจาก สน.นางเลิ้ง บก.น.1 หลังจากกลุ่มผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ขณะนี้ได้รับคำร้องทุกข์ สอบปากคำพยานที่เกี่ยวไปแล้วจำนวนหนึ่ง รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจะส่งข้อมูลไปทำการตรวจพิสูจน์ที่ บก.ปอท. ทำการตรวจสอบทางโซเชียลมีเดีย พิสูจน์ทราบถึงผู้กระทำความผิด ผู้เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป 
พปชร.โดดป้อง"บิ๊กแดง"
    รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ในเบื้องต้นผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดการโพสต์แอบอ้างลักษณะเช่นนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ คงต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และส่งข้อมูล ข้อเท็จจริงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป 
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บรรยายพิเศษเรื่อง แผ่นดินของเราในมุมมองความมั่นคง ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างระบุว่าไม่เป็นกลางทางการเมือง วางตัวไม่เหมาะสม นำกองทัพมายุ่งกับการเมืองว่า ส่วนตัวมองว่า พล.อ.อภิรัชต์มีเจตนาดีกับประเทศ ท่านเป็นห่วงประเทศและประชาชน จึงออกมาวิเคราะห์ถึงปัญหาที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านความมั่นคง เป็นการสร้างความเข้าใจมากกว่าขอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เข้าใจ เพราะหลายสิ่งที่ ผบ.ทบ.พูด เป็นข้อเท็จจริงที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศทราบดี และหากปล่อยไว้ จะก่อให้เกิดปัญหากับประเทศ หากมองด้วยใจเป็นธรรมแล้วจะเข้าใจดี ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเพื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคน
     ส่วนที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตอบโต้ พล.อ.อภิรัชต์ ว่าไม่อยากให้ทหารปฏิวัติอีกนั้น นายธนกร กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ไม่มีใครต้องการให้เกิดการปฏิวัติ หากประเทศไม่เกิดความขัดแย้งถึงขนาดคนไทยออกมาเข่นฆ่ากันเองหรือมีการจลาจลเผาบ้านเผาเมือง หากการเมืองเดินหน้าตามระบบรัฐสภา ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชันหรือมีการปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาต่อสู้กันเองบนท้องถนน มีการชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง เชื่อว่าทหารก็ไม่ออกมา ที่สำคัญไม่มีอำนาจไหนยิ่งใหญ่กว่าอำนาจประชาชน อยากให้นายปิยบุตรได้เข้าใจ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่นายปิยบุตรและพรรคอนาคตใหม่ทำนั้น ทำให้คนไทยเคลือบแคลงสงสัย และไม่สามารถไว้วางใจได้ หากทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเอง ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ทุกอย่างก็จบ ประเทศเดินหน้าไปได้
     ที่โรงแรมสีมาธานี จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคพลัง พปชร. แถลงว่า ตนสนับสนุนคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ พวกเราเป็นห่วง วันนี้สถานการณ์การเมืองต้องอาศัยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องประชาชนช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินไปได้ แต่ยังมีนักการเมืองบางกลุ่มบางคนพยายามเล่นการเมืองในลักษณะที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยก มีหลายสถานการณ์ที่ได้ทำขึ้น ในกรณีที่นายกฯ ไปประชุมที่ยูเอ็น ได้จ้างชาวต่างชาติมายืนขับไล่ประท้วงนายกฯ ไปจ้างล็อบบี้ยิสต์เขียนวิพากษ์วิจารณ์โจมตีรัฐบาลไทย นี่เป็นการทำลายประเทศไทย สร้างความขัดแย้ง ที่ พล.อ.อภิรัชต์พูดนั้น ต้องการที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเราคนไทยทุกคนให้ความจงรักภักดี การจะไปพูดถึงการแก้ รธน.มาตรา 1 มันทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะประเทศไทยเป็นเอกราช ไม่มีใครที่จะมาแบ่งแยกมั่นใจว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง ท่านต้องการเตือนสติคนที่จะทำให้ประเทศชาติเกิดความแตกแยก ให้ได้มีสติในการคิดที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสมัครสมานสามัคคี
จวกพท.-อนค.หยุดปลุกปั่น
     นายสุภรณ์กล่าวว่า ตนเป็นห่วงที่สุดก็คือทางคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ฝ่ายพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นคุณจาตุรนต์ ฉายแสง, คุณวัฒนา เมืองสุข, คุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด, คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์และมาโจมตี สร้างความยุยงแตกแยก โดยเฉพาะที่ประเทศจีนออกมาตักเตือนนักการเมืองที่ไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ฮ่องกง เราเห็นว่านักการเมืองไทยไม่ควรไปก้าวก่าย ไปก้าวล่วงในประเทศอื่น อย่าทำให้ภาพพจน์ของประเทศไทยเสียหาย อย่าคิดเอาประเทศชาติ เอาประชาชนคนไทยไปเป็นเครื่องมือ เอาประเทศไทยไปจุดชนวนในการที่จะเกิดความขัดแย้งกับประเทศอื่น ที่คุณธนาธรถ่ายรูปกับโจ หว่อง ทางรัฐบาลจีนก็ได้เตือนมาว่าไม่ควรจะมีพฤติกรรมอย่างนี้ การเมืองมีกรอบกติกาอยู่มีระบบรัฐสภา แต่คุณธนาธรกำลังเล่นการเมืองนอกระบบรัฐสภา แม้กระทั่งการชุมนุมการเคลื่อนไหวของประชาชนที่มาเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน คุณธนาธรก็จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปวุ่นวายเหมือนกับไปยุยงปลุกปั่น 
    "ผมเคยอยู่ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังเล่นการเมืองเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่สร้างสรรค์ ต้องการที่จะทำร้ายป้ายสี พรรคเพื่อไทยน่าจะใช้วิกฤติในอดีต ใช้ประสบการณ์ในอดีต หันมาคิดหันมาทบทวนว่าที่บ้านเมืองมันแตกแยก เกิดความวุ่นวาย เพราะใคร วันนี้หยุดได้หรือยัง พฤติกรรมที่ยุยงปลุกปั่น สร้างความแตกแยก ทำลายให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบสุข ใครกันแน่ที่ทำให้บ้านเมืองแตกแยกจนรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาแก้ไข ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังการชักใยให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้นในบ้านในเมือง ถ้าพูดไปมันก็ไปย้อนหาอดีต ก็ไปสาวไส้กัน คุณธนาธรเองก็ต้องการใช้วิธีการปลุกระดมมวลชน โดยเฉพาะคุณปิยบุตรเป็นบุคคลที่เหมือนไม่ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองอะไรเลย กลับมองชาติบ้านเมืองเอามาเล่น เอามายำ เอามาทำลายกันได้ อย่างนี้มันไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง" นายสุภรณ์กล่าว   
    นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถ่ายภาพคู่กับโจชัว หว่อง พร้อมระบุว่า หรือจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว! ขอเตือนนักการเมืองไทยคนนั้น ที่พยายามปฏิเสธแบบไม่รับผิดชอบ ต่อกรณีการเตือนของทางการจีน และปล่อยให้ผู้สนับสนุนได้พยายามบิดเบือนประเด็นว่า ทางการจีน เขาผิดมารยาท และอ้างว่าไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของจีนทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงท่านไปวุ่นวายกิจการภายในของประเทศจีน เกี่ยวกับการประท้วงที่ฮ่องกง
     นพ.วรงค์ระบุว่า "ผมได้รับข้อมูลจากคนจีนในเมืองจีนที่อ่านภาษาไทยได้แชร์ข้อมูลกลับมาให้ผม นี่คือตัวอย่างข้อความ "ที่โฆษกสถานทูตจีนออกแถลงการณ์ ต้องถูกด่า เพราะผิดมารยาท ไทยเป็นเมืองขึ้นจีนตั้งแต่เมื่อไร" ผมตอบเขาไปว่า "คนไทยและรัฐบาลไทยไม่เห็นด้วยกับคนพวกนี้ พวกนี้กำลังบิดเบือนความจริง" เขาตอบ "เห็นด้วยกับท่านครับ" และท่านไม่คิดหรือว่า เรื่องนี้จะมีการแชร์กันในประเทศจีน ผมจึงอยากเตือนว่า พวกท่านอาจบิดเบือนคนไทยบางกลุ่มได้ แต่คงบิดเบือนคนจีนและรัฐบาลจีนไม่ได้หรอก เพราะทุกอย่างนั้นคือความจริง ควรมีสำนึกรับผิดชอบได้แล้ว ก่อนที่จะลามเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะนี่คือการชักศึกเข้าบ้านอย่างแท้จริง  #หยุดชังชาติหยุดชักศึกเข้าบ้าน 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การชุมนุมชัตดาวน์ประเทศของ กปปส.ผ่านพ้นไปพร้อมความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แต่ พล.อ.อภิรัชต์ออกมาปราศรัยในคราบบรรยายพิเศษ ทำให้ภาพหลอนนกหวีดชัตดาวน์ยึดเมืองเหล่านั้นกลับคืนมา น่าสังเกตว่าห้วงเวลาที่ พล.อ.อภิรัชต์เลือกพูดหลายครั้ง มักอยู่ในช่วงจังหวะที่รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำสารพัดปัญหาวิกฤติรุมเร้า งบประมาณอาจจะไม่ผ่านสภา จนถึงขั้นรัฐบาลต้องลาออกหรือยุบสภา การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการทหาร ทหารมืออาชีพควรมีมารยาทและรักษาสถานะจุดยืนที่เป็นกลาง ไม่ใช้วาทกรรมสร้างความเกลียดชังให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก ถ้า พล.อ.อภิรัชต์อยากเป็นนักการเมือง ต้องลาออกหรือรอเกษียณค่อยออกมาพูด วันนี้ประชาชนสงสัยว่า พล.อ.อภิรัชต์พูดด้วยตัวเอง หรือใครในรัฐบาลสั่งให้ออกมาช่วยพูด เพื่อเบี่ยงเบนกระแสขาลงของรัฐบาลหรือไม่ 
ข้องใจนายกฯ ให้ท้ายบิ๊กแดง
    "พล.อ.ประยุทธ์ต้องสร้างความชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้สั่งการหรืออยู่เบื้องหลังการออกมาพูดของ ผบ.ทบ. โดยอาจตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนสบายใจได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้กองทัพเป็นเครื่องมือทางการเมือง กองทัพไม่ได้พยายามทำตัวเป็นตัวช่วยหรือลมใต้ปีกหนุนรัฐบาลจนสูญเสียความเป็นกลาง เพราะรัฐบาลไม่สอบสวนภาคประชาสังคมก็เดินหน้าร้องตามองค์กรตรวจสอบต่างๆ อยู่แล้ว" นายอนุสรณ์กล่าว          
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว่า การแทรกแซงทางทางเมืองครั้งล่าสุดของ พล.อ.อภิรัชต์ คือเครื่องบ่งชี้ว่ากลไกการรัฐประหาร 57 ยังทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว แสดงว่าในสายตาของขบวนการยึดอำนาจ คงมองการเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรม ถึงได้ออกมาแทรกแซงทางการเมืองอยู่เรื่อยๆ โดยบางครั้งก็หนักข้อถึงขั้นยอมรับกับสื่อต่างชาติว่ายังมีความคิดเรื่องยึดอำนาจด้วยซ้ำ ทั้งๆที่สุ่มเสี่ยงต่อความผิดฐานเป็นกบฏฯ ตามมาตรา 113 สะท้อนว่าท่านไม่ได้เกรงกลัวกฎหมายเลย พฤติกรรมของ พล.อ.อภิรัชต์ยังส่งผลเสียหายต่อบรรยากาศการลงทุนในประเทศด้วย ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในความต่อเนื่องของนโยบายทางเศรษฐกิจของไทย หากเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
    “ถ้าครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีใดๆ ทั้งที่ ผบ.ทบ.วางตัวไม่เหมาะสมอย่างโจ่งแจ้งมาหลายครั้งแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป แต่สมควรต้องลาออกไปทั้งจากตำแหน่งนายกฯ และ รมว.กลาโหม อย่าอยู่เป็นหัวหลักหัวตออีกต่อไปเลย พล.อ.ประยุทธ์สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (พ.ศ.2534) มาตรา 11 (4) โดยสั่งการให้ พล.อ.อภิรัชต์มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี หรือจะพิจารณางดบำเหน็จ ผบ.ทบ.ก็ย่อมทำได้ หากไม่จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็แสดงว่าท่านรู้กันกับกองทัพ และแสดงว่ารัฐบาลนี้เป็นเพียงคณะรัฐประหารซ่อนรูปเท่านั้น ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอีกต่อไป" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้ทำลายความเชื่อมั่นซ้ำเติมให้กับประเทศไทยที่ความเชื่อมั่นของต่างประเทศลดต่ำมากอยู่แล้ว ในภาวะโลกปัจจุบันไม่ปรากฏว่ามีภัยจากคอมมิวนิสต์เหลืออยู่แต่อย่างใด และหากมีจริง กองทัพก็ยังซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากจากประเทศจีนที่ยังมีพรรคคอมมิวนิสต์ปกครองอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นภัยคอมมิวนิสต์ แถมยังต่อว่าคนไปถ่ายรูปกับโจชัว หว่อง ที่ได้ชื่อว่าต่อต้านกับระบอบคอมมิวนิสต์ จึงไม่แน่ใจว่าจุดยืนที่แท้จริงของ ผบ.ทบ.คืออะไร 
      "พล.อ.อภิรัชต์อาจจะไม่เข้าใจว่า ในทุกประเทศที่ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลในประเทศนั้นๆ จะพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมเพื่อนำเงินไปฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเสนอลดงบทหาร ลดการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ลดการเกณฑ์ทหาร เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือปากท้องของประชาชน เป็นหลักการปฏิบัติที่ทั่วโลกยอมรับ ไม่ได้แปลว่าไม่ได้รักชาติ ซึ่งตรงกันข้าม กลับยิ่งจะมีความรักชาติ รักประชาชน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้นำทางทหาร ผู้นำกองทัพที่ดี ต้องเห็นประโยชน์และความสุขของประชาชนมากกว่าประมาณอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ และสงครามไฮบริดที่แท้จริงคือความยากจน ความล้าหลังทางความคิด และการคอร์รัปชัน" นายพิชัยกล่าว
    นยศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายโจชัว หว่อง หนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง โพสต์รูปถ่ายของตนที่ถ่ายคู่กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในฮ่องกง สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้นมาทันที หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy in Bangkok เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความบางส่วนเมื่อ 10 ต.ค.2562 ว่า “กลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีนยังได้สมคบกับกลุ่มอิทธิพลภายนอก เผยแพร่ข่าวลือ บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อวัตถุประสงค์ที่มิอาจเปิดเผยของตน นักการเมืองประเทศไทยบางคนมีการติดต่อกับกลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีนโดยมีท่าทีเชิงสนับสนุน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดอย่างร้ายแรง และไร้ความรับผิดชอบ"
    "กรณีดังกล่าวเป็นความละเอียดอ่อนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระหว่างไทย-จีน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงของรัฐได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้อยแรง สมาคมฯ จึงจะนำความพร้อมหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ในการไต่สวน สอบสวนพฤติการณ์และการกระทำดังกล่าวว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ในวันอังคารที่ 15 ต.ค.2562 เวลา 10.30 น." นายศรีสุวรรณระบุ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"