11 ต.ค.62 - ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตนักการเมือง ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังการบรรยายพิเศษ จากทางพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า ท่านได้พูดถึงเรื่อง ความมั่นคงของประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งท่านได้ร่ายยาวมาตั้งแต่ในอดีต จะมองเห็นว่ามีการทำร้ายประเทศไทยในอีกวิธีการหนึ่ง ที่เรียกว่า "Hybrid warfare" ซึ่งมาจากพรรคการเมืองบางพรรคมาสร้างสัญลักษณ์ ซ่อนความน่ากลัว เอาเหตุการณ์จากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง หรือการเดินทางไปพบนาย ‘โจซัว หว่อง’ ซึ่งทั้งหมดที่ผู้บัญชาการทหารบกพูดมานั้นเป็นในเรื่องของความมั่นคงที่จะต้องปกป้อง ซึ่งได้สรุปไว้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย โดยได้เกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก และในปัจจุบันเหตุการณ์ดังกล่าวก็กำลังจะเกิดในประเทศไทย ถ้าพูดให้ชัดเลยก็คือ "พรรคสีส้มนั่นล่ะ"

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองในปัจจุบันเขาเลิกแล้วที่จะให้เงินกับชาวบ้าน เพื่อซื้อเสียง แต่เป็นการทำงานที่ แอ๊ดว๊านซ์ มากขึ้นกว่านั้นโดยการสร้างเครือข่าย สร้างยอดไลท์สร้าง Facebook สร้างความน่าเชื่อถือ ตอกย้ำจนกระทั่ง เกิดความเกลียดชังขึ้น ตนมองว่า ผบ.ทบ.เป็นทหารที่ แอ๊ดว๊านซ์ ขึ้น มองอะไรที่ก้าวหน้าขึ้น

“ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกประเทศ และเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆถ้าเกิดคนไทยในปัจจุบันหันมามองว่าในประเทศไทยเกิดอะไรขึ้นแล้วมาช่วยกันปกป้องประเทศผมก็ว่าเป็นเรื่องดีอย่าไปคิดแบ่งแยก ผมขอยกตัวอย่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ คุณอยากจะแก้ ผมก็อยากจะแก้ในเรื่องการเลือกตั้ง แก้ในเรื่องที่มีปัญหาในการเลือกตั้ง การนำพรรคเล็กพรรคน้อยมาจนเวียนหัว อยู่ทุกวันนี้ แต่คุณอย่าไปแก้มาตรา 1 ,มาตรา 2 เพราะในสองมาตรานี้ เป็นมาตราที่สำคัญซึ่งทหารเขาดูแลความมั่นคงอยู่ ที่บอกว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแบ่งแยกไม่ได้” คือถ้าคนไปแตะต้องก็มีปัญหาทันที อย่างที่มีการฟ้องร้องกัน เพราะว่าคุณไปพาดพิงถึงมาตรา 1 และมาตรา 2 ที่ระบุในรัฐธรรมนูญแล้วว่าแตะต้องไม่ได้” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวว่า มีมาตราอื่นๆที่ให้แก้ เช่น มาตรา 249 ที่พูดถึงเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งสามารถกระทำได้ โทรใหม่มีการพูดกันไปก็พยายามที่จะโยงไปใครเข้าในส่วนที่ไม่สมควรจะแก้ไข.