เป็นวัยเก๋าที่พลังและมีชื่อเสียงด้านการออกแบบทรงผม อีกทั้งเป็นครีเอทีฟที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมและสีผมชื่อดังมากมาย นอกจากนี้ยังพ่วงตำแหน่งลูกกตัญญูปี พ.ศ.2548 สำหรับ อ.จิ๋ม-บุษบา เปรมเจริญ ผู้อำนวยการสถาบันออกแบบทรงผม “ดูเอ้” ที่เจ้าตัวแง้มว่าปัจจุบันอายุเข้าสู่วัย 62 ปีแล้ว แต่ก็ยังทำงานอยู่ทุกวัน และงานที่ทำนั้นล้วนเป็นงานที่เกี่ยวกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่ช่วยฝึกสมาธิ ซึ่งการทำงานในวัยหลัก 6 ว่าน่าสนใจแล้ว แต่การใช้งานที่รักเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพ เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ความกตัญญูต่อบิดามารดาในฐานะลูกก็เป็นสิ่งที่น่ายกย่องเช่นกัน
อ.บุษบา บอกว่า “การใช้ชีวิตของตัวเองก็เหมือนกับคนทั่วไป คือเป็นคนที่ทำงานค่อนข้างเยอะ อีกทั้งรูปแบบงานเน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น การประดิษฐ์ลูกปัดเครื่องประดับ การตัดเย็บเสื้อผ้า กระทั่งการออกแบบทรงผมดีไซน์แปลกใหม่ ซึ่งหลายคนจะมองว่าเป็นงานที่เพ้อฝัน แต่นั่นคือการฝึกสมาธิจากการใช้จินตนาการ เพราะเราจะต้องอยู่กับสิ่งเหล่านั้นอย่างใจจดใจจ่อ และการดูแลสุขภาพที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การมีเพื่อนมีสังคม และที่ลืมไม่ได้คือการให้เวลากับครอบครัว โดยดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี ในฐานะผู้ให้กำเนิดของลูก
“เป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่กินดื่มสุรา ไม่นอนดึก และออกกำลังบ้างตามสมควร เช่น การเดินลู่วิ่งในยิม และการเหวี่ยงแขน นอกจากนี้ก็จะไม่เที่ยวกลางคืน แต่ก็ไม่ได้ความหมายความว่าจะต้องเก็บตัว เพราะเรายังต้องมีสังคม พูดง่ายๆ ว่าเราไม่ตัดเพื่อน ออกไปเจอเพื่อน ไปสังสรรค์ บางครั้งก็นัดไปกินข้าวกันในต่างจังหวัด หรือไปวันเกิดเพื่อน และงานที่เกี่ยวกับสังคมช่วยเหลือคนก็ยังไปอยู่เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ก็จะให้เวลาดูแลคุณแม่ เพราะคุณพ่อเพิ่งเสียไป ในฐานะที่เราเป็นลูกต้องดูแลท่านให้มีความสุขที่สุด ประกอบกับเป็นโสด ไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่เราทำอยู่สม่ำเสมอ และให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าการพบเพื่อนและการเข้าสังคม แม้ว่าจะต้องทำงานเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง และการดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับรางวัลลูกกตัญญูปี พ.ศ.2548”
ขณะที่การดูแลจิตใจ อ.บุษบา นั้น นอกจากทำสมาธิในห้องพระที่บ้านแล้ว การไปวัดสมัยใหม่ที่มีสถาปัตยกรรมอย่างงานปั้น และงานศิลปะแขนงต่างๆ ก็เท่ากับเป็นการบำบัดจิตใจ อีกทั้งเวลาที่วัดมีงานบุญต่างๆ ตนก็ได้ร่วมทำบุญตามกำลังที่สมควร รวมถึงยังเลือกทำกุศลกับองค์กรต่างๆ เช่น โรงพยาบาลที่ขาดแคลนเครื่องมือแพทย์อีกด้วย ทั้งนี้ เจ้าตัวจะไม่กำหนดหรือตั้งเป้าหมายการทำบุญตามศาสนสถานใดๆ เนื่องจากทำบุญได้หมด และไม่มีวัดประจำแต่อย่างใด
“ปกติไหว้พระที่บ้าน หรือถ้ามีเวลาว่างก็จะชอบไปวัดที่เป็นวัดสมัยใหม่ อย่างวัดผาณิตาราม จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากมีงานศิลปะทั้งการปั้นและภาพเขียน เมื่อเราไปดูไปชมแล้วทำให้เกิดจินตนาการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำมาใช้งาน และเวลาที่เราไปทำบุญที่วัด ทางวัดจัดงานบวชพระ 66 รูป ก็จะไปทำบุญด้วยการเลี้ยงเพลพระ นอกจากนี้ถ้าโรงพยาบาลขาดเครื่องมือแพทย์ก็จะร่วมทำบุญโดยไม่เลือกสถานที่ ไม่มีวัดประจำวัดไหนเลย ขึ้นอยู่กับว่าที่นั่นขาดอะไร
ถ้าสามารถช่วยเหลือได้ เราก็ทำ ที่สำคัญการดูแลจิตใจที่ดีอีกอย่างคือ การที่เราใช้เวลาว่างไปกับงานอดิเรกที่ยังคงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อย่างการปั้นดินญี่ปุ่นเป็นสร้อยคอเป็นเครื่องประดับต่างๆ ก็ค่อนข้างได้รับความนิยมจากลูกค้า นอกจากนี้ยังชอบการตัดเสื้อผ้าใส่เอง และตัดให้คุณแม่ใส่ด้วย ดังนั้นถ้าเราสามารถทำอะไรให้ท่านได้ ก็ทำให้ท่านมีความสุขจากที่สิ่งลูกทำให้ สุดท้ายเราก็มีความสุขไปด้วย”
เมื่ออายุมากขึ้นนั่นเท่ากับเป็นวัยที่มีประสบการณ์มากขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับ ผู้อำนวยการสถาบันออกแบบทรงผม “ดูเอ้” วัย 62 ปี ที่งานนี้เจ้าตัวบอกว่าทุกวันนี้ทำงานตลอด 7 วัน ที่สำคัญไม่เพียงมีความรู้เกี่ยวกับการออกแบบทรงผม แต่ประสบการณ์ในการเสพงานศิลปะของ อ.จิ๋ม ก็เป็นสิ่งที่นำมาผนวกใช้งานที่ทำ เพื่อถ่ายทอดสิ่งดีๆ ไปยังคนรุ่นใหม่
“งานที่ทำนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ งานเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ไปบรรยายเกี่ยวกับทรงผมและบุคลิกภาพ รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาด้านครีเอทีฟให้กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ทรงผมและทำสีผม รวมถึงยาปลูกผมว่ามีความเหมาะสมทันสมัยเพียงใด และงานในวงการแฟชั่นเป็นคณะกรรมการคัดเลือกงานประกวดภาพถ่ายเด็กและเยาวชนร่วมกับศิลปินชาวต่างชาติ
สิ่งที่พี่ทำนั้นถือว่าเป็นการที่เราได้นำประสบการณ์ที่เรามีถ่ายทอดไปยังคนรุ่นใหม่ เพราะนั่นจะทำให้เด็กๆ รู้ว่าผลงานที่ตัวเองทำออกมานั้นมีพลังหรือมีความสวยงามมากน้อยเพียงใดในการถ่ายทอดมันออกมา อีกทั้งเวลาที่เราทำงานก็จะรู้สึกมีความสุข เพราะเราทำงานลุยด้วยตัวเอง เปิดสถาบันออกแบบทรงเอง ทำเอง รับนัดลูกค้าเอง และเวลาที่ลูกค้ามาทำผมกับเราก็จะเจอเรา เหมือนคนไข้มาหมอและได้เจอหมอ จึงทำให้เกิดความผูกพัน และนั่นถือเป็นการบริการด้วยความจริงใจและเต็มใจ”
ในฐานะผู้ใหญ่หรือซีเนียร์ของวงการทำผมและงานศิลปะนั้น อ.จิ๋ม จึงอยากฝากไปถึงเด็กยุคใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างมีพลังและมีคุณค่าว่า “อยากให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ลืมขนบของคนรุ่นเก๋าอย่างเรื่องของความรักนวลสงวนตัว เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีคุณค่า อีกทั้งจะไม่ทำให้เราถูกขุดคุ้ย ดังนั้นถ้าเรารู้จักคุณค่าของตัวเอง ก็จะทำให้เรามีชีวิตที่สดใสและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีพลัง” .
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |