พอช./รองนายกฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นประธานเปิดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2562 ที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ยันรัฐบาลเดินแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี พร้อมใช้ที่ดินรัฐ-โฉนดชุมชนแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจนทั่วประเทศ 1 ล้านครัวเรือน ขณะที่เครือข่ายภาคประชาชนเตรียมจัดกิจกรรมตลอดเดือนตุลาคมนี้ทั่วภูมิภาค เพื่อเสนอรูปธรรมความสำเร็จการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยต่อระดับนโยบายและสาธารณะ รณรงค์สร้างความเข้าใจในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบท และผลักดันนโยบายการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยกับหน่วยงานเจ้าของที่ดิน
วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ (World Habitat Day) เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสนใจกับสถานการณ์การอยู่อาศัยและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ตลอดจนสิทธิพื้นฐานของการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และเพื่อสร้างความตระหนักในความรับผิดชอบร่วมกันในการจัดการให้มนุษย์ทุกคนมีที่อยู่อาศัยในอนาคต โดยในปีนี้วันที่อยู่อาศัยโลกตรงกับวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม ในประเทศไทยมีการรณรงค์เคลื่อนไหวของภาคประชาชนหลายกลุ่ม และจะมีการจัดกิจกรรมตลอดช่วงเดือนตุลาคมนี้
โดยในวันนี้ (10 ตุลาคม) ระหว่างเวลา 9.00-16.30 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ร่วมกับสหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ และเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศจัดมหกรรม “งานวันที่อยู่อาศัยโลกประจำปี 2562” โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยนายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง พม. นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการ พอช. คณะผู้บริหาร พอช. ผู้แทน UN Habitat และ UN ESCAP ผู้แทน ส.ป.ก. ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศ ผู้แทนและผู้นำชุมชนจากต่างประเทศ รวม 400 คน เข้าร่วมงานที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ถนน นวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
นายไมตรี อินทุสุต ประธานคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช.’ กล่าวว่า แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ของกระทรวง พม. การเคหะแห่งชาติรับไปดำเนินการ 2 ล้านครัวเรือน และ พอช.ดำเนินการประมาณ 1 ล้านครัวเรือน รวมทั้งจะดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนSDGs (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ โดย พอช.มีงานพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สำคัญ คือ 1.โครงการบ้านมั่นคง ทำทั้งในเมืองและชนบท ที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้วกว่า 1 แสนครัวเรือน 2.โครงการบ้านมั่นคงชนบท คือการสนับสนุนการซ่อมสร้างบ้านเรือนที่ยากจนในชนบท ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 4 หมื่นครัวเรือน และ 3.คนไร้บ้าน ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว ที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และกำลังก่อสร้างอีกแห่ง
ที่ จ.ปทุมธานี
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ กล่าวว่า โครงการบ้านมั่นคงที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้เสร็จไปแล้วกว่า 1 แสนครัวเรือน ถือเป็นความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่นำไปสู่ความสำเร็จ และรัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการต่อตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2579 รวมทั้งหมดประมาณ 1 ล้านครัวเรือน
“ในปี 2579 ฝันของพี่น้องจะเป็นจริง เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วประเทศ นอกจากนี้ก็จะนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) เป้าหมายที่ 11 ขององค์การสหประชาชาติ ในเรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยประเทศไทยจะเป็นต้นแบบ เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เรื่องบ้านมั่นคง และการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้เพื่อนบ้านในอาเซียนและทั่วโลกได้มาเรียนรู้” รองนายกฯ กล่าว
นอกจากนี้นายจุรินทร์ได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มประชาชนที่ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า รัฐบาลมีแนวทางที่จะให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยตามแนวทางบ้านมั่นคงอยู่แล้ว โดยชุมชนที่เดือดร้อนสามารถขอใช้ที่ดินของรัฐและหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งที่ดินรัฐวิสาหกิจและเอกชนได้ โดย พอช.จะเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานขอใช้ที่ดินกับหน่วยงานต่างๆ และร่วมกันพิจารณาถึงความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ส่วนนโยบายโฉนดชุมชนรัฐบาลนี้ก็จะดำเนินงานต่อ และถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ชุมชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจากรัฐอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ผิดกฎหมาย โฉนดชุมชนก็จะช่วยให้ชุมชนได้รับการรับรองตามกฎหมาย โดยชุมชนเป็นเจ้าของโฉนดร่วมกัน และทุกคนสามารถอยู่อาศัยในชุมชนนั้นได้
แผนแม่บท 20 ปีตั้งเป้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยคนจน 3 ล้านครัวเรือน
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุว่า ประเทศไทยมีครัวเรือนทั้งหมดประมาณ 21,325,000 ครัวเรือน สัดส่วนครัวเรือนที่มีบ้านและที่ดินเป็นของตัวเองมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ครัวเรือนเช่ามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญก็คือ “สัดส่วนครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
โดยในปี 2552 จำนวนครัวเรือนที่มีรายได้น้อยไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมีจำนวน 2,468,160 ครัวเรือน แต่ในปี 2558 จำนวนครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 3,595,581 ครัวเรือน (ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2552-2558 สำนักงานสถิติแห่งชาติ)
จากปัญหาดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงจัดทำ ‘แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)’ เสนอต่อรัฐบาล และได้รับการเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 โดยมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนเข้าถึงสิทธิในที่อยู่อาศัย มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพ และเสริมสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมในทุกมิติ มีวิสัยทัศน์ คือ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่ว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579”
ตามแผนแม่บทดังกล่าว การเคหะแห่งชาติ จะดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัย ในรูปแบบของการขาย หรือเช่า-ซื้อให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยมีเป้าหมายประมาณ 2 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร บ้านการเคหะฯ
ขณะที่ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ จะดำเนินการในรูปแบบการสนับสนุนให้ชุมชนที่เดือดร้อนและมีรายได้น้อยรวมกลุ่มกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัย เช่น ชุมชนที่ปลูกสร้างบ้านในที่ดินรัฐและเอกชน ชุมชนเช่าที่ดินเอกชนแต่ไม่มีความมั่นคง ฯลฯ มีเป้าหมายประมาณ 1,050,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ โครงการที่สำคัญคือ ‘บ้านมั่นคง’
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า หลักการสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของ พอช.ก็คือ “ให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการแก้ไขปัญหาของตนเอง” โดยมีหน่วยงานต่างๆ ให้การสนับสนุน เช่น พอช. องค์กรปกครองในท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายต่างๆ เปลี่ยนจากการที่หน่วยงานรัฐทำให้ เป็นชุมชนที่เดือดร้อนซึ่งเป็นเจ้าของปัญหาดำเนินการเอง
“โดยชาวบ้านและชุมชนที่เดือดร้อนจะต้องรวมกลุ่มกันแก้ไขปัญหา มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การร่วมกันสำรวจข้อมูลชุมชน ข้อมูลผู้ที่เดือดร้อน กำหนดทางเลือกในการแก้ไขปัญหา เช่น หากเป็นชุมชนบุกรุกที่ดินของรัฐก็จะต้องทำสัญญาเช่าที่ดินอย่างถูกต้อง หรือจัดหาที่ดินแปลงใหม่ และร่วมกันออกแบบบ้าน ออกแบบผังชุมชน ให้ตรงกับความต้องการของชาวชุมชน โดยมีสถาปนิกชุมชนจาก พอช. หรือสถาบันการศึกษาเป็นพี่เลี้ยง และร่วมกันออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนดำเนินการ จนถึงการบริหารงานก่อสร้างบ้านและชุมชน” ผอ.พอช. กล่าว
(จากซ้าย) นายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วย รมว.พม. นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.พอช. และรองนายกรัฐมนตรี
‘บ้านมั่นคง’ 16 ปี พอช.สนับสนุนไปแล้ว 1,231 โครงการ รวม 112,610 ครัวเรือน
ส่วนการสนับสนุนของ พอช.นั้น นายสมชาติกล่าวว่า นอกจาก พอช.สนับสนุนด้านความรู้ ส่งเสริมกระบวนการรวมกลุ่มให้แก่ชุมชนที่เดือดร้อนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาแล้ว พอช.ยังสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัยให้แก่ชุมชนโครงการบ้านมั่นคงเมืองเฉลี่ยครัวเรือนละ 62,500 บาท และบ้านมั่นคงชนบทเฉลี่ยครัวเรือนละ 62,000 บาท และสนับสนุนสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินหรือก่อสร้างบ้านไม่เกินครัวเรือนละ 360,000 บาท ผ่อนระยะยาว 15-20 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี
ทั้งนี้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี จำนวน 1,050,000 ครัวเรือนที่กำลังดำเนินการโดย พอช.ขณะนี้ แยกเป็น 1.แผนพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนแออัดและผู้มีรายได้น้อยในเมือง รวม 77 จังหวัด จำนวน 6,450 ชุมชน รวม 701,702 ครัวเรือน (แยกเป็นบ้านมั่นคงทั่วประเทศ จำนวน 6,450 ชุมชน รวม 690,000 ครัวเรือน, ชุมชนริมคลอง กรุงเทพฯ 74 ชุมชน รวม 11,004 ครัวเรือน และคนไร้บ้าน 3 แห่ง คือ ปทุมธานี/ขอนแก่น/เชียงใหม่ รวม 698 ครัวเรือน) 2.แผนพัฒนาผู้มีรายได้น้อยในชนบท (โครงการซ่อมแซมบ้านเรือนที่มีฐานะยากจน หรือ ‘บ้านพอเพียงชนบท’) รวม 76 จังหวัด จำนวน 5,362 ตำบล รวม 352,000 ครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะดำเนินการตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี พอช.ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในชุมชนที่มีรายได้น้อย มีความไม่มั่นคงในที่ดินที่อยู่อาศัยตามโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ มาตั้งแต่ปี 2546 โดยเริ่มจากชุมชนนำร่อง 10 ชุมชนทั่วประเทศ เช่น ชุมชนบ่อนไก่ เจริญชัยนิมิตใหม่ (กรุงเทพฯ) แหลมรุ่งเรือง จ.ระยอง, บุ่งคุก จ.อุตรดิตถ์, เก้าเส้ง จ.สงขลา ฯลฯ โดยมีรูปแบบการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามสภาพของชุมชน เช่น ปรับปรุงหรือก่อสร้างบ้านใหม่ในที่ดินเดิม โดยการซื้อหรือเช่าที่ดินอย่างถูกต้อง จัดหาหรือซื้อที่ดินแปลงใหม่ที่ไม่ไกลจากชุมชนเดิมเพื่อสร้างบ้าน-สร้างชุมชนใหม่ ฯลฯ
จากโครงการนำร่องบ้านมั่นคง 10 ชุมชนแรกในปี 2546 จนถึงวันนี้ (พ.ศ.2562) เป็นเวลา 16 ปี สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคงไปแล้วทั่วประเทศ รวม 1,231 โครงการ จำนวน 112,610 ครัวเรือน รวมเงินอุดหนุน 6,311 ล้านบาท
เครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกทุกภูมิภาค
นางอร่ามศรี จันทร์สุขศรี ผู้แทนสหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ (สอช.) กล่าวว่า การจัดงานรณรงค์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกปีนี้ สหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายที่ดินแนวใหม่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองแห่งชาติ (คทช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จะจัดกิจกรรมรณรงค์ตลอดเดือนตุลาคมนี้ในหัวข้อ “บ้านมั่นคง บ้านโดยชุมชน ทุกคนร่วมกันสร้าง” หรือ “Collective Housing” โดยมีเป้าหมายเพื่อ
1. นำเสนอรูปธรรมความสำเร็จในการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยต่อระดับนโยบายและสาธารณะ 2.รณรงค์สร้างความเข้าใจในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย ทั้งในเมืองและชนบท ให้สังคมได้ตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย และเสนอต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง 3. ผลักดันนโยบายในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยกับหน่วยงานเจ้าของที่ดิน 4. สนับสนุนแนวคิด Collective Housing และ 5. ยกระดับและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยทั้งเมืองและชนบท ระหว่างผู้นำขบวนองค์กรชุมชนไทยกับผู้นำต่างประเทศ หน่วยงานและฝ่ายนโยบาย
ทั้งนี้จะมีการจัดงานทั้งในระดับส่วนกลางและภูมิภาคตลอดเดือนตุลาคมนี้ เช่น ที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กรุงเทพฯ ภาคกลางและตะวันตกที่ จ.เพชรบุรี (24 ตุลาคม) มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมเป็นประธาน ภาคเหนือที่ จ.เชียงราย (24-25 ตุลาคม) มีพลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเป็นประธาน ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น ( 27 ตุลาคม) มีนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.กระทรวง พม.เป็นประธาน ภาคตะวันออกที่ จ.ชลบุรี (28 ตุลาคม) มีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เป็นประธาน ภาคใต้ที่ จ.กระบี่ ฯลฯ โดยจะมีการนำเสนอรูปธรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในประเด็นต่างๆ เช่น การจัดตั้งกองทุนที่ดิน บ้านมั่นคงในที่ดิน ส.ป.ก. การจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนบ้านมั่นคง การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชายฝั่งและการอนุรักษ์ทรัพยกรชายฝั่งทะเล ที่ดินการรถไฟ ฯลฯ
การจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกปี 2562 ในประเทศไทยครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้แทนชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ที่เดินทางเข้ามาร่วมงานและศึกษาดูงานการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย รวม 13 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเมียนมา กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินเดีย อินโดนีเซีย มองโกเลีย ปากีสถาน เนปาล สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา และกลุ่มประเทศทวีปแอฟริกา รวม 50 คน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |