เริ่มเห็นเค้าลางเสียแล้วสำหรับท่าทีของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ที่แม้จะออกมานั่งยันนอนยัน โดยให้ “อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” โฆษกพรรคเพื่อไทยมาแถลงเมื่อวันอังคารใน 7 ประเด็นที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่าจะไม่มีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ในขณะที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” หัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็สำทับว่ามีการลงสัตยาบันในเรื่องดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “อนาคตใหม่” ในห้วงเวลานี้ สวนทางกับ “สัตยาบัน” ที่กล่าวอ้าง ซ้ำร้ายกลับเหมือนการส่งเสริมกรณี “ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” ในข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ด้วยซ้ำไป ...๐

เพราะคำชี้แจงของ “ชลิตา” หลังมีเรื่องราวใหญ่โตอ้างอิงไปถึงการแก้ไขปัญหาไฟใต้ ซึ่งล่าสุด ”ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคส้มหวาน ที่สวมหัวโขนประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ก็ได้เชิญทูต 9 ประเทศ รวมยูเอ็นและอียู หารือปัญหาซ้อมผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงภาคใต้!!! ทั้งที่เรื่องดังกล่าวยังมีปัญหาข้อเท็จจริงที่ยังต้องพิสูจน์ทราบกันอีก แล้วที่สำคัญทำไม “ปิยบุตร” ไม่เชิญหน่วยงานในประเทศไปเลย จึงไม่แปลกที่แวดวงกาแฟจะมองเป็นอื่นไม่ได้ว่า นอกจาก เข้าทำนอง “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” หรือเพราะทั่นเลขาฯ ซึมซับแนวคิดของ “พ่อฟ้า” ที่ไปร่วมสัมมนากับ “โจชัว หว่อง” จึงนำรูปแบบของ “ม็อบฮ่องกง” ที่เร่ไปหาสถานทูตนานาชาติมาช่วยจ๊ะ ...๐

ไม่ใช่มีเพียง “ดร.ปิยบุตร” เท่านั้น ในขณะที่ สหายช่อจาก “แก๊งออฟทรี” เองก็ขยับเขยื้อนในฐานะรองประธาน กมธ.ชุดเดียวกันกับ “ปิยบุตร” ก็ออกมารับเรื่องกรณีการเสียชีวิตของ “อับดุลเลาะ อีซอมูซอ” ที่เสียชีวิตหลังจากถูกควบคุมตัวในค่ายอิงคยุทธบริหาร เรียกว่า มีการแบ่งงานแบ่งหน้าที่ยิ่งกว่าซีรีส์เสียอีก ซึ่งเราไม่ปฏิเสธในการแสวงหาข้อเท็จจริง เพราะการเสียชีวิตไม่ว่าเป็นใครก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏ แต่คงไม่ใช่การโหนผู้เสียชีวิตหรือโหนศพสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง แล้วทิ่มแทงผู้ที่ตัวเองชัง ...๐

แล้วที่ขำไม่ออกคือความต่อเนื่องของฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้นอย่าง “นิคม บุญวิเศษ” หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทยที่ไปร้อง ป.ป.ช.เอาผิด "พล.อ.ประยุทธ์" กรณี กอ.รมน.ฟ้องร้องแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมเวทีแก้รัฐธรรมนูญทำให้ได้รับความเสียหาย และ เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายหลักร้อยล้านบาท เรียกว่ามาทั้งอาญาและทางแพ่งกันเลย พระเจ้าจอร์จ ช่างคิดได้จริงๆ แล้วที่ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อส้มหวานออกมาแก้ต่างในกรณี กอ.รมน.ฟ้องแกนนำฝ่ายค้านและนักวิชาการ 12 คนในมาตรา 116 บอกว่า เป็นการหว่านแห ไม่ถูกต้องนั้น แล้วกรณี "นิคม บุญวิเศษ” ไม่ยิ่งกว่าหว่านแหเหรอจ๊ะ ...๐ แล้วที่ “โรม” อ้างเรื่องผู้จัดไม่ทราบว่านักวิชาการจะพูดอะไรนั้น ชาวบ้านเขาก็สงสัยว่า แล้วทำไมผู้คนบนเวทีไม่แก้ต่างทันทีเล่า มีใครปิดปากหรืออย่างไร จะบอกว่าตอนนั้นช็อก แล้วทำไมในวันที่ 29 ก.ย.ซึ่งเป็นวันรุ่งขึ้น ไม่เห็นหัวฝ่ายค้านคนไหนออกมาปัดเรื่องเหล่านี้เลย กรณีดังกล่าวก็ไม่ต่างกับโจรขายยาบ้าในห้องเช่าที่มีเจ้าบ้านพักอยู่อาศัยด้วย เจ้าบ้านจะอ้างเหตุว่าไม่รู้ว่าผู้เช่าขายยาบ้าได้หรือไม่ อย่างไร ...๐

กรณีดังกล่าวยังสะท้อนแนวความคิด “อำนาจนิยม” ฝังหัวของพรรคฝ่ายค้านด้วย เพราะคำให้สัมภาษณ์ของ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยในกรณี “พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ” ที่ระบุว่า หากเปลี่ยนเป็นรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐประเภทนี้ต้องย้ายออกจากพื้นที่ทันที และสอบสวนเอาความผิดทั้งทางวินัยและอาญาด้วย นี่หรือคือมาตรฐานที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็ในเมื่อเชื่อมั่นว่าไม่ได้กระทำความผิดตามมาตรา 116 ตามที่ฟ้อง ก็ไปใช้หลักฐานและข้อมูลพิสูจน์ความจริงให้หายกังขาก็หมดเรื่อง แต่นี่กลับขู่จะใช้ “อำนาจ” เล่นงานคนเห็นต่าง จึงไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้เราจึงมีกรณี “ถวิล เปลี่ยนศรี” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งสุดท้ายกรรมก็สนองต่อผู้กระทำให้ไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้อีกต่อไป ...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวต่างประเทศที่ยังร้อนแรงอย่าง “ฮ่องกง” ซึ่งกรณีทวิตเตอร์ของ “แดริล มอเรย์” ผู้จัดการทีมฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ที่ทวีตเชียร์ม็อบจนทำให้ “มังกรจีน” ควันออกหูอย่างไม่จางหาย ล่าสุด “ฮิลลารี คลินตัน” ก็มาสุมฟืนสุมไฟทวีตเชียร์ ม็อบอีก งานนี้บอกได้คำเดียว “เดโมแครต” อาจต้องเหนื่อย ไม่ต่างจาก NBA ที่ช่วงนี้เงินหายกำไรหดไปเพียบแน่นอน …๐

...ท.ศักดิ์