9 ต.ค. 62 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน จะนำเรื่องผู้พิพากษาที่ยิงตัวเอง เข้าพิจารณาในคณะกรรมาธิการฯ และอาจเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่า สามารถทำได้ เพราะถือเป็นการตรวจสอบในกรณีที่มีคดีเกิดขึ้น ว่าคดีนี้มีความเป็นมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการฯคณะไหนที่จะพิจารณาเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าอย่าไปลงในเนื้อเรื่องการตรวจสำนวนต่างๆ ของการเสียชีวิต  ไปลงลึกรายละเอียดมากไม่ได้  อาจจะลงลึกได้แค่เพียงว่าเกิดอะไรขึ้น 

เมื่อถามว่า หากมีการพิจารณาในคณะกรรมาธิการฯจะมีผลอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ หากคณะกรรมาธิการฯพิจารณาแล้ว พบอะไรก็จะรายงานและแนะนำ ส่วนที่มีการพูดกันว่าปกติโดยมารยาทแล้ว 3 สถาบัน คือฝ่ายบริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ จะไม่ก้าวก่ายกันนั้น ถ้าไปก้าวก่ายไม่ได้อยู่แล้ว แต่กรณีนี้ไม่ใช่ลักษณะของการก้าวก่าย เพียงแต่เป็นการตรวจสอบเท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนที่รัฐบาลทำอะไร ก็ถูกตรวจสอบได้ แต่การตรวจสอบรัฐบาลจะนำไปสู่การตั้งกระทู้กับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การตรวจสอบในเรื่องแบบนี้ของศาล ไม่สามารถนำไปสู่การตั้งกระทู้ เพราะจะไปเรียกให้ศาลมาตอบกระทู้ก็ไม่ได้ และไม่ได้นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ต้องบิดข้อเสนอให้กลายเป็นว่า ให้รัฐบาลรับไปดำเนินการอย่างไร เช่น เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ให้มีตำรวจคอยดูแลมากขึ้น อะไรประมาณนั้น  แต่อย่างน้อยคณะกรรมาธิการฯ ก็ได้สตอรี่หนึ่งเรื่องในการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจได้กระแสสังคมที่ให้ความสนใจต่อเรื่องนั้นๆ มากขึ้นด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ถือเป็นเทคนิคของฝ่ายค้าน

เมื่อถามย้ำว่า จะสามารถเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และถูกอ้างถึงมาชี้แจงในคณะกรรมาธิการฯได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นช่องทางหนึ่ง ที่เขาจะเรียกได้ แต่บุคคลผู้นั้นจะไปหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างในอดีตคณะกรรมาธิการฯ เคยเรียกตนไปชี้แจงหลายครั้ง แต่ตนได้มอบหมายให้คนอื่นไปแทน.