9 ต.ค. 62 – นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และประธานยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงจุดยืนเรื่องสารพิษอันตราย 3 ชนิด ทางการเกษตร ว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับกระทรวง ทส.โดยตรง เพราะมีกรมควบคุมสารพิษ เป็น 1 ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและประชาชน หรือสารเคมีใดก็แล้วแต่ที่สะสมในดินนานๆ เกิดการตกค้าง กระทบกับแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ภาคกลาง ไม่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเกษตรกร กระทรวง ทส. ไม่สนับสนุนแน่ โดยได้ให้นโยบายกับกรมควบคุมมลพิษแล้วให้รณรงค์ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีสารพิษตกค้างในดิน น้ำ อากาศ และจะพยายามบอกให้เกษตรกรรู้ถึงพิษภัย ไปจนถึงการให้หยุดการนำเข้าสารพิษอันตราย
นายวราวุธ กล่าวว่า ในส่วนของพรรค ชทพ.ได้เขียนเรื่องนี้เอาไว้ในนโยบาย และได้พูดตอนหาเสียงมาตลอดว่าสนับสนุนแนวทางการใช้ปราชญ์ชาวบ้าน เทคโนโลยีชาวบ้าน เกษตรอินทรีย์ เกษตรแปลงใหญ่ หรือนิคมการเกษตร เพราะการใช้ปราชญ์ชาวบ้าน โดยเฉพาะการนำศัตรูพืชมาปราบศัตรูพืชนั้น เป็นสิ่งที่พรรค ชทพ.สนับสนุน เพราะตามสถิติ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้สารเคมีในการทำการเกษตรมากพอสมควร แต่มีผลผลิตต่อไร่คำนวณได้ต่ำมาก ดังนั้น สะท้อนให้เห็นว่าสารเคมีไม่ได้ทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น พรรค ชทพ.จึงได้เห็นความสำคัญของเกษตรอินทรีย์ ปราชญ์ชาวบ้าน
ส่วนประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าใครจะอยู่เบื้องหลังจนจะไม่ให้ยกเลิกสารพิษอันตรายนั้น เราไม่สนใจ แต่ถือเอาเรื่องสุขภาพของประชาชน เกษตรกร และสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ เชื่อว่านักการเมือง พรรคการเมือง ย่อมคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเองต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ และการเปลี่ยนไปของโลกปัจจุบัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |