ดีเอสไอบุกยึดอาวุธสงครามซุ่มริมชายป่าติดถนนสายปัตตานี-ยะลา เชื่อกลุ่มก่อความไม่สงบซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมนำไปก่อเหตุลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนบนถนนสายนี้ จับตา 11 ตุลา. "บิ๊กแดง" โชว์วิสัยทัศน์ดับไฟใต้ หลังประกาศก้องไม่มีใครเข้าใจปัญหาได้ดีกว่าผู้เคยปฏิบัติงานในพื้นที่

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 นำกำลังร่วมชุดปฏิบัติการและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบแหล่งซุกซ่อนอาวุธปืนในพื้นที่ ม.5 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ริมถนนสายปัตตานี-ยะลา หลังจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบริเวณป่าและพุ่มไม้โดยรอบในรัศมี 100 เมตร ตามที่ได้รับแจ้ง 
    ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ค้นบริเวณพุ่มไม้ พบวัตถุต้องสงสัยห่อด้วยถุงพลาสติกสีดำมีลักษณะยาวประมาณ 50-60 เซนติเมตร จึงได้นำออกมา มีจำนวน 6 ห่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ฉีกถุงพลาสติกออกทั้ง 6 ห่อ พบว่าเป็นอาวุธปืนสงครามจำนวน 5 กระบอก ประกอบด้วย อาวุธปืนอาก้า จำนวน 4 กระบอก พร้อมแมกกาซีน จำนวน 6 อัน มีกระสุนบรรจุเต็มทั้ง 6 แม็ก และอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน และอีก 1 ห่อเป็นกระสุนปืนอาก้ากว่า 60 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดไว้นำไปตรวจสอบ
    พ.ต.ต.สิริวิชญ์เผยว่า การตรวจยึดอาวุธปืนครั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ได้ทำการซักถามผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวในคดีความมั่นคง พร้อมกับการสืบทราบจากแหล่งในพื้นที่ ทำให้ได้เบาะแสเกี่ยวกับอาวุธปืนจนนำไปสู่การตรวจยึดดังกล่าว สำหรับอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอกเชื่อว่าน่าจะเป็นเขี้ยวเล็บของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ที่นำมาซุกซ่อนไว้เพื่อเตรียมที่จะก่อเหตุลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนบนถนนสายดังกล่าว ตามที่ได้รับข่างแจ้งเตือนมาก่อนหน้านี้ว่าพื้นที่ดังกล่าวพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งกำลังวางแผนลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ของรัฐ 
    อย่างไรก็ตาม อาวุธทั้ง 5 กระบอกเบื้องต้นได้ส่งไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบที่มาว่าถูกปล้นมาจากที่ใด และเคยนำไปก่อเหตุคดีใดบ้าง เชื่อว่าหากผลปืนออกมาก็จะทราบทันทีว่าอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอกเป็นของกลุ่มใด และใครนำไปก่อเหตุ ถือว่าเป็นการขยายผล และคาดว่าจะสามารถรวบรวมประกอบคดีจนนำไปสู่การออกหมายจับต่อไป
    ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังจากที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ 12 แกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการที่ร่วมกันจัดงานเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” โดยมีนักวิชาการบางคนมองว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1 ก็ไม่เห็นแปลกอะไร ว่าเรื่องของการเมืองก็ต้องดำเนินการไป เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย จะถูกหรือผิดก็ต้องไปต่อสู้กัน 
    "ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้การดูแลประชาชนก็ยังดีอยู่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน" พล.อ.ประวิตรกล่าว และว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีนักศึกษาไทยที่ถูกทางการอียิปต์ควบคุมตัวและส่งกลับมาประเทศไทยแล้วนั้น เราก็ดูแลเป็นอย่างดี เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการไอเอส อีกทั้งจากคำให้การของเขาก็ไม่เคยถูกจับที่ประเทศซูดาน
    มีรายงานว่า วันที่ 11 ตุลาคม เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก (ทบ.), พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เตรียมบรรยายพิเศษในประเด็นที่เกี่ยวกับบทบาทกองทัพในการดูแลความมั่นคงภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ของกองทัพ เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ผู้นำองค์กร มวลชน ประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชนในการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนต่อไป
    โดยการบรรยายพิเศษดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลัง 12 แกนนำฝ่ายค้านและนักวิชาการเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ "พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่" จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกระทำความผิดมาตรา 116 รวมถึงกรณีนายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลายิงตัวเองภายหลังพิพากษาคดี
    ก่อนหน้านี้ พล.อ.อภิรัชต์เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะพูดเรื่องสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะพูดให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะใครจะเข้าใจปัญหาภาคใต้ได้ดีกว่าคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เนื่องจากตนเคยอยู่ในพื้นที่ เป็นอดีตผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลามาก่อน เคยกิน เคยนอน และทำงานที่นั่นเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูล โดยจะเป็นผู้บรรยายเอง.