แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ไม่ปฏิเสธทางเลือกดึงจีนเข้าแทรกแซงเพื่อยุติการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ยืดเยื้อมานาน 4 เดือน หลังเหตุรุนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ทำให้ระบบรถไฟใต้ดินเป็นอัมพาต
แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง แถลงเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 / AFP
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2562 ว่า แคร์รี แลม หัวหน้าคณะผู้บริหารของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง แถลงในวันเดียวกันนี้ว่า เธอยังเชื่อว่ารัฐบาลฮ่องกงยังสามารถรับมือกับปัญหายุ่งยากที่ไม่เคยประสบมาก่อน แต่หากสถานการณ์เลวร้ายมากๆ รัฐบาลของเธออาจขอให้รัฐบาลปักกิ่งเข้าแทรกแซงได้
"ณ เวลานี้ดิฉันยังเชื่อมั่นว่าฮ่องกงควรหาทางออกด้วยตนเอง และรัฐบาลกลาง (ในกรุงปักกิ่ง) ก็มีจุดยืนเดียวกันว่าฮ่องกงควรแก้ปัญหาด้วยตนเอง แต่หากสถานการณ์เลวร้ายมากๆ ก็ไม่อาจตัดทางเลือกอื่นใดทิ้งถ้าเราอยากให้ฮ่องกงมีโอกาสอย่างน้อยอีกสักครั้ง"
ฮ่องกงเผชิญการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่พัฒนาเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยและปกป้องเสรีภาพมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน การประท้วงเกิดความรุนแรงหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อวันชาติจีน 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้แลมตัดสินใจบังคับใช้กฎหมายข้อบังคับฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปีที่ฮ่องกงบังคับใช้กฎหมายเก่าแก่จากยุคอาณานิคมฉบับนี้
ผู้นำหญิงรายนี้ใช้อำนาจภายใต้กฎหมายดังกล่าวออกกฎห้ามผู้ประท้วงปิดบังใบหน้า ทว่าผู้ประท้วงกลับท้าทายด้วยความโกรธแค้น กลุ่มม็อบคลุมหน้าอาละวาดทำลายทรัพย์สินที่เป็นธุรกิจร้านค้าที่เกี่ยวโยงกับจีนแผ่นดินใหญ่ หรือทำลายข้าวของในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหลายสิบสถานีทำให้ต้องปิดบริการ ถึงเช้าวันอาทิตย์ระบบรถไฟใต้ดินของบริษัทเอ็มทีอาร์ ซึ่งรองรับผู้โดยสารวันละ 4 ล้านคน ยังคงไม่สามารถให้บริการอย่างเต็มที่ รวมถึงสถานี 13 แห่งที่ได้รับความเสียหายยังไม่สามารถใช้งานได้ และการเดินรถจะปิดบริการเร็วขึ้น 5 ชั่วโมง โดยปิดที่เวลา 20.00 น.
เมื่อวันจันทร์ มีผู้ประท้วง 2 รายที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามสวมหน้ากากปิดบังหน้าระหว่างการชุมนุมถูกส่งตัวขึ้นศาล ทั้งคู่โดนแจ้งข้อหาชุมนุมผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และฝ่าฝืนคำสั่งห้าม ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี
ตำรวจยังได้จับกุมผู้ประท้วงอีก 26 คนในเขตหว่านไจ๋เมื่อวันอาทิตย์ และตั้งข้อหาก่อจลาจล 14 คน ในจำนวนนี้โดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามปิดใบหน้าเพิ่มอีกกระทง
คำแถลงของตำรวจกล่าวด้วยว่า มีผู้ประท้วงถูกจับกุมฐานฝ่าฝืนคำสั่งห้ามนี้รวม 77 รายนับแต่เริ่มมีผลเมื่อวันศุกร์ ขณะที่จำนวนผู้ประท้วงที่ถูกจับเพิ่มเป็น 2,363 รายแล้วนับแต่เดือนมิถุนายน
แลมบอกกับนักข่าวด้วยว่า ยังเร็วไปที่จะตอบว่ากฎหมายห้ามสวมหน้ากากได้ผลหรือไม่ นโยบายใหม่หรือกฎหมายใหม่ต้องใช้เวลาจึงจะบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันแลมยืนกรานว่าเธอยังยึดมั่นกับการใช้เครื่องมือเชิงนโยบาย, กฎหมายและการเมือง ซึ่งรวมถึงการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ฝังรากลึกของฮ่องกง
อีกด้านหนึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เรียกร้องให้ฮ่องกงหาทางออกอย่างมีมนุษยธรรมและใช้สันติวิธี ทรัมป์ยังกล่าวถึงผู้ประท้วงในฮ่องกงที่โบกสะบัดธงชาติอเมริกัน แต่เขาเลี่ยงที่จะส่งเสริมการชุมนุมท้าทายของผู้ประท้วง ทั้งยังชี้ด้วยว่ากระแสการชุมนุมประท้วงซาลงแล้ว จากที่เคยมีผู้เข้าร่วมถึง 2 ล้านคน
แลมกล่าวตอบคำถามถึงทัศนะจากต่างชาติ โดยไม่ได้เอ่ยถึงทรัมป์โดยตรงว่า เธอหวังว่าใครก็ตามโดยเฉพาะคนต่างชาติ จะมองข้อเท็จจริงในฮ่องกงโดยไม่อคติ หากพวกเขาต้องให้ทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ในฮ่องกงขณะนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |