8ต.ค.62- นายอำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (รองปลัด ศธ.) รักษาราชการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รักษาราชการ เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ตามที่ในเดือนตุลาคม 2562 สำนักงานคณะกรรมการการศึกาาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีผู้บริหารสถานศึกษาที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2,293 คน และยังมีตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาที่ว่างอยู่อีก ประมาณ 4,000 อัตรา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องวิกฤตเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการนั้น โดยขณะนี้ตนได้รับทราบข้อมูลการบรรจุและแต่งตั้งผู้อำนวยการและรองอำนวยการสถานศึกษาแล้วพบว่า ไม่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ได้อนุมัติคืนอัตรากำลังเกษียณอายุราชการให้ 100%  ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กต่ำกว่า 40 คนลงไปยังไม่มีการแต่งตั้ง เพราะต้องดูการบริหารจัดการโรงเรียนเหล่านี้ก่อน เช่น ในอนาคตมีความจำเป็นยุบหรือควบรวมโรงเรียน เป็นต้น ส่วนตำแหน่งว่างของรองผอ.สถานศึกษา ประมาณ 4,000 อัตรานั้นได้มีการขึ้นบัญชีผู้สอบผ่านไว้แล้ว โดยมีเพียงแค่ 10 จังหวัดเท่านั้นที่บัญชีหมดอายุแต่ไม่ต้องกังวล สพฐ.บริหารจัดการได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายที่เคยมีการเสนอให้ปรับหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. โดยจะไม่ให้มีการสอบแต่ให้ใช้รูปแบบการประเมินผู้บริหารแบบรอบด้าน เพื่อป้องกันการทุจริตการสอบนั้น นายอำนาจ กล่าวว่า เบื้องต้นตนคิดว่ายังไม่ได้ปรับอะไรยังคงการสอบอยู่ แต่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) มีนโยบายต้องการให้ผู้อำนวยการโรงเรียนมีความสามารถรอบด้านไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาอังกฤษ การบริหารจัดการ การมีทักษะในศตวรรษที่ 21 ดังนั้น สพฐ.ก็จะต้องมาทบทวนเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งของผู้บริหารสถานศึกษาว่าจะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์อย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ได้ผู้บริหารตรงตามความต้องการ ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าการเข้ามาเป็นผู้บริหารโรงเรียนจะต้องผ่านการเป็นรอง ผอ.มาก่อน เพราะเชื่อว่าการมีประสบการณ์จะทำให้การบริหารโรงเรียนได้มีประสิทธิภาพ