จ่อออกหมายเรียก "แผน" พยานเท็จ อ้างเห็น "ลุงจรูญ" ก้มเก็บลอตเตอรี่ "ฐิติราช" ยันไม่ละเว้น "ผู้การกาญจน์" เร่งหาหลักฐานชี้ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี 2 ตร.ส่อโดน ม.157 ตามนาย "เจ๊เกียว" เผย "ครูปรีชา" พ้อเหนื่อยโดนสะบักสะบอม งดจ้อสื่ออยากให้เรื่องเงียบ
    ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการอ้างกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 10 พ.ย.60 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ว่าในวันที่ 12 มี.ค. คณะทำงานจะมีการประชุมเพื่อสรุปการออกหมายเรียก นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือแผน ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญก้มเก็บลอตเตอรี่ โดยการออกหมายเรียกดังกล่าวเพื่อมารับทราบข้อหาฐานร่วมกันการกระทำผิดกับนายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น เเม่ค้าลอตเตอรี่ จากการกระทำดังกล่าวที่ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ถึงแม้นายฐนุกร จะมีการเปลี่ยนคำให้การภายหลัง แต่เป็นเรื่องที่จำนนต่อพยานหลักฐาน ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด
    พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวถึงการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีว่า เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกนายปรีชา, นางรัตนาพร และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช เเม่ค้าขายลอตเตอรี่มาเพื่อเเจ้งข้อหาฐานเกี่ยวกับการสนับสนุนในการทำคำให้การ ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับ พล.ต.ต.สุทธิไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกลุ่มบุคคลที่มีหมายเรียกดังกล่าว ทางคณะทำงานจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเป็นตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุน โดยภายในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะแยกทำเป็นอีกสำนวนคดีจากคดีหลัก ซึ่งการพิจารณามาตรา 157 บช.ก.จะพิจารณาสำนวนให้ครบถ้วนที่สุด ก่อนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) พิจารณาทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตต่อไป
    ส่วนกรณีที่มีข่าวเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกันเพื่อไม่ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธินั้น พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ขอให้ประชาชนเชื่อใจ ตำรวจจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ทุกอย่างดำเนินการตามพยานหลักฐาน ซึ่งตำรวจเป็นเพียงกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น จะต้องส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง และศาลเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินความผิด คนทำผิดต้องว่ากันไปตามผิด ไม่มีการละเว้น เรื่องนี้แม้เริ่มต้นเกิดจากความเชื่อ แต่ภายหลังผู้บังคับการจังหวัดมีการแก้ไขคำให้การ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ถือเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ และส่อไปในทางทุจริต ตรงนี้ตนพูดชัดเจน ประชาชนไม่ต้องกังวล ตนเองจะดูเองทุกเรื่อง 
    "พล.ต.ต.สุทธิจะปฏิเสธหรือรับสารภาพ เราไม่ได้มีความกังวล ใครจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ แต่เราก็รวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนให้มากที่สุด ยิ่งปฏิเสธยิ่งดี ผลการกระทำจะบอกเองว่าใครทำผิด อย่างไรก็ตาม การส่งหมายเรียกผู้สนับสนุนในความผิดมาตรา 157 เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ด่วนให้กับผู้ต้องหา โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 16 มี.ค.นี้" ผบช.ก.ระบุ
      เมื่อถามว่า จะมีการส่งเรื่องให้ พล.ต.ต.สุทธิออกจากราชการด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต้นสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบเรื่องวินัยเป็นผู้พิจารณา 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจ 2 นายที่ถูกกันไว้เป็นพยานจะถูกดำเนินคดีด้วยหรือไม่ ผบช.ก.กล่าวว่า จะบริการงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการต่อสู้คดี จึงต้องดูว่ามีพยานหลักฐานอื่นประกอบด้วยหรือไม่ ซึ่งตำรวจจะต้องหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบ เบื้องต้นบุคคลที่สอบปากคำไปนั้น ต้องการทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ และสั่งผ่านใครมา เพื่อให้ขยายผลไปถึงระดับผู้สั่งการในการกระทำผิด
    ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) กล่าวว่า ได้ออกหมายเรียกนายปรีชา, นางรัตนาพร และ น.ส.พัชริดา ให้มามอบตัวเพื่อรับทราบข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ พล.ต.ต.สุทธิ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ที่กองบังคับการ ปปป. ซึ่งหลังแจ้งข้อหาและสอบสวนแล้ว ปปป.จะเร่งสรุปสำนวนส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาภายใน 30 วัน
    สำหรับสำนวนที่เสนอ ป.ป.ช. ประกอบด้วยผู้ต้องหา 4 คน รวมถึง พล.ต.ต.สุทธิ ส่วน พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค อดีตรองผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล อดีตรองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ซึ่งกันตัวไว้เป็นพยานในการดำเนินคดีกับ ผบก.กาญจนบุรี แก้ไขสำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาทนั้น หาก ป.ป.ช.เห็นว่าพยานหลักฐานแน่นหนาแล้ว อาจสั่งให้ดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 2 นาย ในความผิดมาตรา 157 ด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้รับรายงานเบื้องต้น หลังจากส่งคอมพิวเตอร์ของ ร.ต.อ.จิรยุทธ์ให้กองพิสูจน์หลักฐาน และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในการกู้ไฟล์สำนวนแล้ว พบว่าไฟล์คำให้การบางส่วนของนายปรีชา, นางรัตนาพร สุภาทิพย์ และ น.ส.พัชริดา มีการพิมพ์ลงวันที่ไม่ตรงกับวันที่ของจริงที่บันทึกไว้ในสำนวนจริงเลย แต่ในรายละเอียดอื่นๆ ที่มีการแก้ไขตรงไหนบ้างนั้น ยังไม่สามารถกู้ได้หมดครบถ้วน ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
    ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม พระอารามหลวง (วัดใต้) ต.บ้านใต้ อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี นางปณัญชยา สุขพูล หรือเจ๊เกียว ได้มาตั้งแผงขายลอตเตอรี่ตามปกติ พร้อมกับเปิดเผยว่า ได้พบครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นเมื่อเย็นวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ตลาดนัดร่มแฝก โดยครูปรีชามาเดินจ่ายตลาดและหาซื้อกับข้าวตามปกติ ส่วนเจ๊บ้าบิ่นมาขายลอตเตอรี่ตามปกติเช่นกัน และได้พูดคุยกันเล็กน้อย ซึ่งครูปรีชาบอกว่าโดนหลายเรื่องจนสะบักสะบอม และช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยมาก พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้รับสารภาพแต่อย่างใด ส่วนที่ครูปรีชาไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เนื่องจากบางครั้งเวลาให้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบ จึงอยากให้เรื่องเงียบๆ ไปจะดีกว่า เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ต้องไปจบที่ศาลอยู่ดี
    ส่วนกรณีที่ บก.ปปป.ได้ส่งหมายเรียกถึงครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช ให้มารับข้อกล่าวหาในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสำนวนคดีหวยนั้น เจ๊เกียวกล่าวว่า เรื่องยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่หากมีหมายเรียก ทั้งสามคนควรจะให้ความร่วมมือเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ และให้ข้อมูลไปตามความเป็นจริง.