จัดหนักศาลรธน.-กรธ. โลกสวย-มุบมิบต่ออายุ


เพิ่มเพื่อน    

“สมชัย” จัดหนัก หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูก ป.ป.ช.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ข้องใจทำไมงุบงิบออกเอกสารข่าวแต่ไร้รายละเอียด เย้ย กรธ.โลกสวย ต้นเหตุวางหมากสุดท้ายก็มาโอดโอย “เจตน์” แจงในเวที สนช.ถกหนักแล้ว แต่ต้องยึดคำวินิจฉัยศาล
เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์กรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งความเห็นของสมาชิก สนช.จำนวน 32 คน ให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 267 วรรคห้า มาตรา 81 มาตรา 145 และมาตรา 263 ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ..... มาตรา 185 ว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 
โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง  (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเวลา 13.56 น. ในหัวข้อ “วันที่คนอยู่ครบวาระแล้ว และบางคนขาดคุณสมบัติบอกว่าคนที่ขาดคุณสมบัติและแม้มีลักษณะต้องห้ามก็อยู่ต่อได้” โดยระบุว่า วันศุกร์ที่ 9 มี.ค. น่าจะเป็นตอนบ่ายแก่ๆ เกือบเลิกงานแล้ว ปรากฏเอกสารข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นข่าวที่ 2/2561 อ่านสรุปได้ความว่า ตามที่ สมาชิก สนช. 32 คน ทำเรื่องมาขอให้ศาลวินิจฉัยว่ามาตราโน้นมาตรานี้ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช.ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
“ในย่อหน้าถัดมาก็ระบุเพียงว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ทำความเห็นส่วนตน และมีการร่วมลงมติว่าประเด็นที่ สนช.ส่งมานั้น ศาลมีความเห็นว่าไม่ขัด โดยไม่มีรายละเอียดว่าลงคะแนนด้วยคะแนนเสียงเท่าไร และตุลาการท่านใดลงมติอย่างไรบ้าง” นายสมชัยโพสต์
นายสมชัยยังโพสต์อีกว่า คนที่ไม่ติดตามเรื่องคงอ่านผ่านๆ อย่างไม่ได้สนใจ ยิ่งมาแจ้งแบบเงียบเชียบในรูปเอกสารตอนบ่ายของวันศุกร์ที่คนใกล้เลิกงาน ก็ยิ่งแทบไม่มีคนสนใจ แต่สำหรับผู้ที่ติดตามน่าจะจำได้ว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ สนช.ได้ลงมติให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ เช่นเดียวกับผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ สนช.ใจดีมาก มีแถมให้คนที่ครบวาระแล้วอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีสภา มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาแล้วจึงเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ แตกต่างจาก กกต.และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ (กสม.) ที่แม้จะเป็นองค์กรอิสระด้วยกัน แต่อาจสร้างความรำคาญแก่ผู้ปกครอง เลยเซตซีโรเสีย
นายสมชัยยังโพสต์อีกว่า ประเด็นการให้ ป.ป.ช.ทั้งชุดอยู่ต่อไปจนครบวาระ มีประเด็นที่แตกต่างจากผู้ตรวจการแผ่นดินและศาลรัฐธรรมนูญ คือ นอกจากคนที่มีคุณสมบัติไม่ครบจำนวนประมาณ 7-8 คนแล้ว ในจำนวนนี้ ยังมีสองคนที่มีลักษณะต้องห้ามด้วยคือ คนหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอื่นมาก่อน และ อีกคนหนึ่งคือประธาน ป.ป.ช. เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (เลขาฯ รองนายกฯ ประวิตร) ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมือง และพ้นตำแหน่งมายังไม่ครบสิบปี รัฐธรรมนูญเขียนห้าม แต่กฎหมายลูกโดย สนช.ไปอนุญาต สนช.ที่ไม่เห็นด้วย จึงส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
“วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญที่มีตุลาการศาล 5 คนที่อยู่ครบวาระ 9 ปีแล้ว แต่ สนช.ให้อยู่ต่อ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 3 ท่านที่ขาดคุณสมบัติ แต่ สนช.ให้อยู่ต่อได้ลงมติแบบเงียบๆ ไม่มีการแสดงผลการลงมติ ไม่มีระบุชื่อว่าใครลงมติอย่างไรว่าด้วยเสียงข้างมากหรือเอกฉันท์ให้ ป.ป.ช.ที่ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามอยู่ต่อไปจนครบวาระได้ จากนี้ใครจะเชื่อว่าองค์กรอิสระเป็นอิสระจริง” นายสมชัยกล่าว
ต่อมาในเวลา 17.18 น. นายสมชัยยังโพสต์ในหัวข้อ “นึกไม่ออกว่าควรเรียกอะไร” มีเนื้อหาว่า มีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) อย่างน้อยสองคน ออกมาให้ความเห็นต่างกับศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่ควรมีคำวินิจฉัยว่า ป.ป.ช.ที่มีลักษณะต้องห้ามสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ ทั้งๆ ที่ขัดหลักรัฐธรรมนูญ แต่ กรธ.คงลืมไปว่าปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจาก กรธ.ไปเขียนรัฐธรรมนูญให้การดำรงอยู่ต่อไปเพียงใดขององค์กรอิสระนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายลูก แทนที่จะระบุให้ชัดเจนเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าว่าให้สามารถอยู่ต่อไปจนครบวาระ
“กรธ.จะเป็นฝ่ายวางหมาก หรือเป็นพวกโลกสวย ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า การลงมติเพื่อออกกฎหมายของ สนช.ในยุคปัจจุบันนั้น มิได้มีความเป็นอิสระ แต่เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ว่าต้องการให้กรรมการขององค์กรอิสระใดอยู่องค์กรใดไป กดปุ่มได้ตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ดังนั้นจึงไม่แปลกว่า มาตรฐานในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจึงแตกต่างกันไป ไม่ใช่แค่สองมาตรฐาน สามมาตรฐาน แต่เป็นไม่มีมาตรฐานแต่น้อย” นายสมชัยระบุ
นายสมชัยยังยกตัวอย่างว่า กกต.ให้เซตซีโรทั้งคณะ ทั้งๆ ที่บางคนมีคุณสมบัติครบ อ้างว่าไม่ต้องการปลาสองน้ำ กสม.ให้เซตซีโรทั้งคณะ แต่ยืดเวลาสรรหาออกไปเป็นไปปี อ้างว่าเพื่อยกระดับสิทธิมนุษยชน ผู้ตรวจการแผ่นดินให้อยู่ต่อจนครบวาระ โดยไม่สนใจคุณสมบัติ ศาลรัฐธรรมนูญให้คนที่อยู่ครบวาระ 9 ปีอยู่ต่อ และคนที่ขาดคุณสมบัติอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีสภาผู้แทนราษฎร และมีผู้นำฝ่ายค้านในสภา โดยอ้างว่าเพื่อความสง่างามในการสรรหา ป.ป.ช.ให้คนที่ขาดคุณสมบัติอยู่ต่อจนครบวาระ แถมประธาน ป.ป.ช.ที่มีลักษณะต้องห้าม เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองพ้นมาไม่ถึงสิบปีอยู่ต่อไปจนครบวาระได้
“ทั้งหมดมาจากผลพวงการเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญของ กรธ. ว่าให้เป็นไปตามกฎหมายลูก ทั้งๆที่รู้ว่า สนช.มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และย่อมลงมติตามความต้องการของ สนช. วันนี้มาเปิดหน้าแสดงตัวเป็นคนดี มีหลักการ ทั้งๆ ที่เป็นคนวางหมากไว้แต่ต้น เป็นคนเขียนบทเฉพาะกาลที่เปิดช่อง ไม่ทราบในสังคมไทยเรียกว่าอะไรครับ” นายสมชัยกล่าว
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธาน กรธ.คนที่ 1 ในฐานะอดีตประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่วิจารณ์เรื่องนี้ว่าอาจกลายเป็นกฎหมายลูกฆ่ากฎหมายแม่ หรือเป็นกฎหมายลูกทรพีว่า หากติดตามการอภิปรายของกรรมาธิการฯ และในการประชุม สนช.จะเห็นว่า สมาชิก สนช. อาทิ นายกล้านรงค์ จันทิก ได้อภิปรายในประเด็นนี้ไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญให้อิสระสภา ออกแบบเป็นแบบเซตซีโร หรือจะปล่อยทั้งหมดก็ได้ 
“ความเห็นของนายสุพจน์ในฐานะของนักกฎหมายนั้น เราก็เคารพ แต่ความเห็นของนักกฎหมายนั้นไม่ตรงกันได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ จึงต้องใช้เสียงข้างมากตัดสิน ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นองค์กรที่วินิจฉัยชี้ขาดและคำวินิจฉัยถือเป็นที่สุด เราต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” นพ.เจตน์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"