จากงานเสวนา ‘พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่บริเวณลานวัฒนธรรม จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ลุกลามกลายเป็นประเด็นทางข้อกฎหมายตามมา เริ่มจาก พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า มอบหมาย 4 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความเอาผิด แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นักวิชาการ 12 คน ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านโต้กลับทันควัน ขนคณะหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค ฝ่ายกฎหมาย ไปยังกองปราบปราม แจ้งความกลับ พล.ท.พรศักดิ์ และ พล.ต.บุรินทร์ ฐานแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษ และฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 174, 326 และ 328
ไม่เท่านั้น ยังมีความพยายามเชื่อมโยง ลากให้ไปถึง บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมด้วย อันเนื่องจากมองว่า กอ.รมน. ที่เป็นหน่วยงานภายใต้บังคับบัญชา ขึ้นตรงกับนายกฯ โดยตรง คงไม่ได้ดำเนินการเพียงลำพัง ถ้าไม่มีการส่งสัญญาณมาจากผู้มีอำนาจ
ปมประเด็น ปฐมเหตุ ทำให้เกิดเรื่องมาจาก ‘ชลิตา บัณฑุวงศ์’ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปพูดในลักษณะทำให้เกิดความเข้าใจ จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 1 เกินธง พรรคร่วมฝ่ายค้านปักหมุดแก้ไข ระบบการจัดการเลือกตั้ง เรื่องสมาชิกวุฒิสภาที่มีอำนาจเกินขอบเขตล้ำแดนมาถึงฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร เรื่องการคำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อในสูตรพิสดาร ระบบการแบ่งเขตเลือกตั้งที่มองว่าไม่เป็นธรรม แต่รอบนี้กลับใช้องคาพยพพูดไปไกลกว่าเรื่องการเมือง แต่ไปยุ่งในเรื่องราชอาณาจักร อันเกี่ยวพันกับความมั่นคงของประเทศ
ก่อนหน้านี้ ‘พรรณิการ์ วานิช’ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็ประกาศบนเวทีเสวนา มหาสารคามเช่นกัน เหมารวม
‘รัฐธรรมนูญฉบับนี้เฮงซวยทุกมาตรา’
หลังจากโดนกระแสสังคม กระแสในโลกโซเชียลถล่มอย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม พรรคร่วมฝ่ายค้านแสดงออกต่อปมประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนตั้งรับ ตั้งตัวไม่ติดเลย พลิกมุมไป ฟ้องแก้เกี้ยวว่า มีใบสั่งทางการเมือง ให้มาเล่นงาน พรรคร่วมฝ่ายค้าน ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และประธานกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนเอาคืน เตรียมเรียก พล.ต.บุรินทร์ เข้ามาชี้แจง ที่ไปแจ้งความเอาผิด หวังข่มขู่ ปิดปากประชาชน ให้เกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์
จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เดิมมีเพียงเรื่องความเห็นต่างในระบบเลือกตั้ง ถูกขยายวงออกไป ลามไปเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐและเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนไหวต่อความรู้สึกคนในสังคม สวนทางกลับคำพูดหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค ที่ประกาศตอกย้ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่มีการแตะหมวด 1-2 อย่างเด็ดขาด แต่ทว่า องคพยพของตัวเองไม่ใช่เพียงแค่นักวิชาการที่ใกล้ชิด ยังมี ส.ส.จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ออกมาชี้ช่อง เบิกทาง
"นพดล อมรเวช" เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายรักษ์สยาม ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อให้ตรวจสอบพรรคการเมืองและยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบ 7 พรรคการเมือง โดยให้เหตุผลที่น่าสนใจ
‘พรรคการเมืองที่เข้าร่วมเสวนา ไม่ได้ให้ข้อมูลในลักษณะท้วงติงเพื่อให้เห็นถึงประวัติศาสตร์การเมืองและความสำคัญของรัฐธรรมนูญ ว่าเหตุผลและความสำคัญอย่างไรที่รัฐธรรมนูญไทยต้องมีบทบัญญัติมาตรา 1 ไว้ ไม่สามารถแก้ไขได้ และความจำเป็นที่ต้องรักษาไว้ซึ่งความเป็นรัฐเดียว ไม่สามารถแบ่งแยกได้ แต่กลับมีพฤติกรรมเหมือนรู้เห็นเป็นใจและมีส่วนร่วมสนับสนุน คล้อยตาม
จากพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามระเบียบรัฐธรรมนูญมาตรา 25 มาตรา 49 มาตรา 255 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21 และ 22 ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิดอันเป็นเจตนาเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ’
นอกจากความผิดเฉพาะตัวที่หัวหน้าพรรค แกนนำพรรคถูกแจ้งความเอาผิดแล้ว ยังลามมาถึงความเป็นพรรคการเมือง ให้ต้องลุ้นระทึกอีกกระทง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |