ทนายความเผย มีผู้เปิดโปงแฉพฤติกรรมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นรายที่ 2 โดยรายนี้เป็นประจักษ์พยานโดยตรงว่าทรัมป์พยายามกดดันประธานาธิบดียูเครนให้เปิดการสอบสวนอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองของเขา

    มาร์ก ซาอิด ทนายความของผู้เปิดโปงรายแรก กล่าวกับเอบีซีนิวส์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ผู้เปิดโปงรายที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองเช่นเดียวกัน เป็นประจักษ์พยานที่รับรู้เรื่องราวบางอย่างโดยตรงเกี่ยวกับคำกล่าวหาที่ผู้เปิดโปงรายแรกร้องเรียน ซึ่งนำไปสู่การเริ่มกระบวนไต่สวนเพื่อถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์ พ้นตำแหน่งประธานาธิบดี

    ประจักษ์พยานรายที่ 2 ที่ได้รับการคุ้มครองนี้ยิ่งทำให้ความพยายามแก้ต่างของทรัมป์และผู้สนับสนุนเขาในพรรครีพับลิกันยุ่งยากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้เปิดโปงรายนี้ประจักษ์กับเหตุการณ์โดยตรง ไม่ใช่การฟังคำบอกเล่ามาเหมือนผู้เปิดโปงรายแรก

    คำร้องเรียนซึ่งยื่นต่อผู้ตรวจการด้านข่าวกรองของสหรัฐเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม อ้างข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่สหรัฐ 6 คน ที่แสดงความวิตกว่าทรัมป์กำลังใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาเชื้อชวนให้ต่างชาติแทรกแซงการเมืองในสหรัฐ เพื่อให้เขาชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปีหน้า

    ผู้เปิดโปงกล่าวหาว่าทรัมป์ใช้ความช่วยเหลือมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ เป็นข้อต่อรองกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เพื่อแลกกับการที่ยูเครนเปิดการสอบสวนโจ ไบเดน และฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขาที่นั่งเก้าอี้ในคณะกรรมการบริหารของบริษัทพลังงานยูเครน

    แอนดรูว์ บาคาจ ทนายความอีกคน เผยทางทวิตเตอร์ว่า เขายืนยันได้ว่าบริษัทและทีมงานของเขากำลังเป็นตัวแทนให้ผู้เปิดโปงหลายรายเกี่ยวโยงกับการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการประชาคมข่าวกรองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2562 ผู้เปิดโปงรายหนี้ได้พูดคุยกับผู้ตรวจการแล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบข้อร้องเรียนเบื้องต้น คำให้สัมภาษณ์ต่อผู้ตรวจการได้รับการคุ้มครอง

    ทรัมป์ยืนกรานว่าเขาไม่ได้ใช้ความช่วยเหลือเป็นข้อต่อรองกับยูเครน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังทำให้ ส.ว.ร่วมพรรครีพับลิกันวิตกกังวลเมื่อเขาเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้ยูเครนและจีนสอบพ่อลูกไบเดน

    เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ยังโจมตีนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตที่เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนเขาเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าเป็น "กบฏ" แบบเดียวกับที่เขาเคยเรียกผู้เปิดโปงรายแรกและกรรมาธิการที่ไต่สวน และว่า นางเพโลซีสมควรโดนถอดถอนเสียเอง.