“โรคท้องร่วงกับผู้สูงอายุ” โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนมักพบได้บ่อย สำหรับคนหนุ่มสาวเกิดภาวะท้องเดิน 7-8 ครั้ง อาจไม่อันตรายเท่ากับคุณตาคุณยายถ่ายหนักเกิน 2 ครั้ง เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและบางรายอาจถึงขั้นชีวิตได้จากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ดังนั้น การดูแลสุขลักษณะในการกินอยู่ช่วงอุณหภูมิสูง เป็นเรื่องที่ลูกหลานควรให้ความใส่ใจ เพราะบางครั้งการห้ามไม่ให้คุณตาคุณยายรับประทานอาหารที่ชอบ ก็อาจทำให้ท่านขาดสารอาหารได้ ดังนั้นการบริโภคที่ถูกอนามัยจึงนับเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง และป้องกันอาการท้องเสียได้เช่นกัน
(พรวรินทร์ นุตราวงศ์ พยาบาลชำนาญการพิเศษ)
พี่แอ้-พรวรินทร์ นุตราวงศ์ พยาบาลชำนาญการพิเศษ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช ให้ข้อมูลว่า “ผู้สูงอายุโดยทั่วไปจะมีภูมิต้านทานต่ำกว่าหนุ่มสาว 1 เท่า ประกอบกับช่วงหน้าร้อน อาหารที่บริโภคก็มักจะบูดเสียง่าย อีกทั้งยังทำให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงเติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้สูงอายุส่วนใหญ่ก็มักจะเสียดายอาหาร บ่อยครั้งจึงรับประทานอาหารต่อ กระทั่งส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ดังนั้นแนะนำว่า 1.อย่าเสียดายอาหาร 2.ผู้ดูแลต้องหมั่นเช็กอาหารประเภทแกงกะทิที่ปรุงทิ้งไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ก็ให้รีบทิ้ง เพราะถ้าให้ท่านรับประทานติดต่อกันอาจทำให้ท้องเสียได้ 3.ผู้สูงอายุสามารถรับประทานอาหารได้ทุกประเภท แต่ให้เน้นว่าต้องปรุงสุก สะอาด และสุกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน เช่น หากคุณพ่อคุณแม่อยากรับประทาน “แกงกะทิ” ก็ต้องปรุงสุกใหม่และรับประทานทันที หรือแม้แต่อาหารหมักดองอย่าง “ผักเสี้ยนดอง” จิ้ม “น้ำพริกกะปิ” ก็สามารถรับประทานได้ แต่ต้องล้างให้สะอาด และน้ำพริกก็ต้องทำใหม่ๆ ไม่รับประทานของเก่าค้างคืน เพื่อป้องกันอาการท้องเสีย
(“ผงเกลือแร่โออาร์เอส” ยาสามัญประจำบ้านที่ควรพกไว้ในช่วงอากาศร้อน เพื่อบรรเทาอาการท้องร่วง)
นอกจากนี้ หากลูกพบหลานพบว่าผู้สูงอายุวัยที่อายุเกิน 70 ปี เกิดอาการท้องเสียเกิน 2 ครั้งเป็นต้นไป ให้รีบพาท่านส่งโรงพยาบาลทันที เพราะหากปล่อยปละละเลยจะทำให้ร่างกายของท่านขาดอิเล็กโทรไลต์ที่ประกอบด้วยแร่ธาตุ 3 ชนิด คือ 1.โซเดียม 2.โพแทสเซียม 3.คลอไรด์ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากว่าร่างกายขาด 1 ใน 3 แร่ธาตุที่กล่าวมาเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะต่างจากภาวะท้องเสียของวัยรุ่นที่บางคนถ่ายเหลว 7-8 ครั้งก็ยังไม่เป็นอะไร เนื่องจากร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกเหรอได้ ที่ลืมไม่ได้ หากบ้านไหนคุณพ่อคุณแม่สูงวัยเกิดภาวะท้องเสีย แนะนำว่าไม่ควรให้ท่านอดอาหาร แต่ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก หรือข้าวต้ม หรือจะกินไปถ่ายไปก็จะดีกว่าการขาดอาหาร นอกจากนี้ก็ให้ท่านหมั่นจิบเกลือแร่ (เกลือแร่โออาร์เอส) ทีละน้อยๆ ห้ามดื่มรวดเดียว เพื่อเติมเกลือแร่ให้ร่างกายที่สูญเสียจากการอุจจาระและปัสสาวะของผู้สูงวัย อีกทั้งขณะที่ผู้สูงวัยท้องเสียไม่ควรกินยาแก้ท้องเสียโดยเด็ดขาด เพราะตัวยาจะไปอุดกั้นของเสีย อาจยังมีเชื้อโรคท้องร่วงตกค้างอยู่ในร่างกาย ซึ่งหากพบว่าถ่ายเหลว 2 ครั้งติดต่อกัน และอาการไม่ดีขึ้น ก็ให้รีบพาท่านไปพบแพทย์จะดีที่สุด อย่างที่ทราบกันว่าป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ดังนั้นข้อควรปฏิบัติตัวให้ถูกสุขลักษณะช่วงหน้าร้อนที่ลืมไม่ได้ นอกจากการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” แล้ว ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ให้ลูกหลานซื้อผง “เกลือแร่โออาร์เอส” ติดบ้านไว้ ก็ถือเป็นยาสามัญประจำบ้านที่ช่วยป้องกันภาวะท้องเสียและช็อกหมดสติในคนสูงอายุได้ค่ะ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |