5 ต.ค 62 - เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ร้านกาแฟพีซทีวี ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว มีการจัดงานวันเกิดครบรอบ 55 ปี ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยมีมวลชน นปช. คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางมาร่วมเลี้ยงฉลองร่วมกับนายจตุพร
โดยนายจตุพร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมหวัง อัสราษี แกนนำ นปช. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าสามเกลอ นปช. ใช้ให้เปิดบัญชีรับเงินบริจาค จนโดนเรียกเก็บภาษี 572 ล้านบาท และโดนฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย ว่า ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจ เสียใจ และต้องขอโทษนายสมหวังกับครอบครัวด้วย เห็นใจนายสมหวังมีสิทธิที่จะน้อยใจในโชคชะตา แกนนำ นปช. ผู้ร่วมชะตากรรม มีจุดจบไม่ต่างกัน ไม่โดนคดี ติดคุก ก็ต้องล้มละลาย ตนไม่ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีและปรับสองเท่า จึงขอเรียกร้องไปยังอธิบดีกรมสรรพากร และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ให้ยกเลิกคำสั่งเก็บภาษีต่อนายสมหวัง
เพราะส่วนตัวคิดว่าเงินบริจาคทางการเมืองเพื่อการชุมนุม ไม่ควรเรียกเก็บภาษี และไม่เคยมีการเรียกเก็บภาษีมาก่อน แต่หากทำไม่ได้ก็ขอให้มีมาตรฐานเดียวกันกับ 3 กลุ่มการเมือง เพราะ นปช. ไม่ได้เป็นกลุ่มการเมืองแรกที่เปิดบัญชีบริจาค ก่อนหน้าเรามีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังเรามี กปปส. ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ทั้ง 2 กลุ่มที่เหลือมาเผชิญกับกรณีดังกล่าวด้วย
“ผมเห็นว่าเงินชุมนุมทางการเมืองไม่ควรที่จะมีการจ่ายภาษี ผมอยากให้ทางกรมสรรพากรได้ยกเลิกคำสั่งที่เรียกเก็บภาษีคุณสมหวัง อัสราษี บวกค่าปรับหลายเท่าตัวนี้ หรือท่านยังยืนยันว่าจะต้องปรับอยู่ ท่านก็ควรจะปฏิบัติกับทุกกลุ่มทางการเมืองเฉกเช่นเดียวกัน พวกเราไม่สบายใจ และเสียใจ และขอโทษครอบครัวคุณสมหวัง อัสราษี ด้วย คือพี่น้อง นปช. ที่ร่วมต่อสู้กันมา บาดเจ็บ ล้มตาย สูญสิ้นอิสรภาพ สูญเสียทรัพย์มากมาย เราอยู่กันมากกว่าคำว่าเพื่อน มันคือผู้ร่วมชะตากรรม ซึ่งต้องมีจุดจบที่ไม่ได้แตกต่างกัน” นายจตุพร กล่าว
ถามว่าก่อนหน้านี้ได้ติดต่อพูดคุยกับนายสมหวังหรือไม่ และถือว่า นปช.แตกคอกันหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีพี่น้องไปคุยบ้างแล้ว แต่นายสมหวังยังมีความเครียด และคิดไม่ถึงว่าครอบครัวจะต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้ ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง เพราะ นปช. อยู่มายาวนานที่สุด แต่อยู่ในสภาพที่ยากลำบาก และไม่มีวันที่จะกลับมาเหมือนเดิม เวลาที่เหลือหลังจากนี้ คือการชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้ จุดจบคงหนีไม่พ้นการติดคุกและล้มละลาย
เมื่อถามถึงเหตุผลที่ไม่ใช้ชื่อ 3 เกลอแกนนำ นปช. เปิดบัญชีบริจาค นายจตุพร ระบุว่าการที่เป็นแกนนำ คงไม่สะดวกที่จะเบิกจ่ายเงิน มองว่าไม่เหมาะสมในการถือเงิน และไม่ทราบว่าจะต้องมีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังด้วย
เมื่อถามถึงของขวัญวันเกิดที่อยากได้ในปีนี้ นายจตุพร กล่าวว่า ขอให้บ้านเมืองปกครองในระบอบเดียว คือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะเชื่อมั่นว่าจะเป็นระบอบเดียวที่จะทำให้บ้านเมืองมีความผาสุข ซึ่งในขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหาเศรษฐกิจ เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่เพิ่มความทุกข์ให้กับประชาชน จึงอยู่ในฐานที่มั่นอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และพยายามแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ให้ชาติบ้านเมืองดำเนินต่อไปได้ เชื่อว่าแผ่นดินในรัชกาลที่ 10 บรรยากาศทางการเมืองจะไม่เหมือนเดิม ที่ผ่านมาแกนนำทั้ง 3 ฝ่าย รวมถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนเคยมาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนส่วนตัว ทุกคนต่างตกผลึกถึงความปรองดอง ให้เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 10 ต้องอดทนระมัดระวัง รักษาบรรยากาศของบ้านเมืองให้ได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |