3ต.ค.62-ผลจากการมีทุนจากประเทศจีนเข้ามาถือหุ้นมหาวิทยาลัยเอกชน 2แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเกริกและมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด  เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบจากจำนวนนักศึกษาลดน้อยลงอย่างมาก ทำให้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ถึงกับมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ เพื่อกำหนดแนวทางในการ กำกับดูแลมหาวิทยาลัยเอกชน  โดยมีนพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัด อว.เป็นประธานคณะทำงาน  ล่าสุดได้มีการประชุมของคณะกรรมการชุดพิเศษ ซึ่ง  นพ.สรนิต เปิดเผยว่า การประชุมดังกล่าว  โดยมีผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในที่ประชุมได้มีการนำข้อมูล รวมถึงข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พบว่าขณะนี้มีกลุ่มทุนจีนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ใน 2 มหาวิทยาลัยไทย คือ มหาวิทยาลัยเกริก และมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด แต่ทั้ง 2 กรณีนี้ก็ยังคงอยู่ในการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ คือ ยังถือหุ้นเพียง ร้อยละ 49 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด อีกทั้งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังคงเป็นคนไทย ที่ได้รับการตรวจสอบจากกระทรวงพาณิชย์

นพ.สรนิต กล่าวต่อว่า สำหรับกระทรวงต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะดูในเรื่องของวีซ่าการเข้าออกประเทศไทย ซึ่งก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด และจำนวนนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนในสถาบันอุดมศึกษาเอกชนก็มีประมาณ 7,000 คน ในเบื้องต้นยังคงไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่คณะกรรมชุดพิเศษนี้ก็จะเฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวต่อไป เพื่อเฝ้าระวัง เช่น มหาวิทยาลัยที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมถึงการที่นักศึกษาจีนเข้ามาประกอบอาชีพต่างๆ ในประเทศไทยด้วย เพราะถือว่าผิดกติกานักศึกษาจีนไม่สามารถประกอบอาชีพในไทยได้ เพราะวีซ่าไม่ได้กำหนดให้สามารถประกอบอาชีพได้ อนุญาตให้เข้ามาศึกษาเท่านั้น ซึ่งคงต้องมีการหารือในการประชุมครั้งต่อไป

“อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยไม่เหมือนกับบริษัท เพราะการทำงานของมหาวิทยาลัยจะต้องมีสภามหาวิทยาลัย และกรรมการที่เป็นชาวต่างชาติก็มีระเบียบควบคุมอยู่ อีกทั้งการออกหลักสูตรต่างๆ ก็มีกรรมการหลักสูตรและอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร เพราะเฉพาะนั้นระบบของการศึกษายังมีการดูแลได้เป็นอย่างดี”ปลัด อว.กล่าว