3 นักบิดระดับซูเปอร์สตาร์ในศึก "โมโตจีพี" มาร์ค มาร์เกวซ, วาเลนติโน รอสซี่ และ อันเดรีย โดวิซิโอโซ แถลงข่าวก่อนดวล พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 วันที่ 4-6 ตุลาคมนี้  ลั่นขอบิดเต็มที่เพื่อโอกาสในการขึ้นโพเดี้ยม  ชี้การขับเคี่ยวใน สนามช้างฯ จะเข้มข้นจนต้องไปลุ้นกันถึงโค้งสุดท้าย โดยมาร์เกวซ ยืนยันขอขึ้นโพเดี้ยมเพื่อแชมป์โลก 

        ไฮไลท์สำคัญของการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 คือเป็นสนามแรกที่ มาร์เกวซ มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกในคลาส โมโตจีพี สมัยที่ 6 โดยนักบิดสเปน ต้องการเก็บคะแนนให้มากกว่า โดวิซิโอโซ เพียง 2 คะแนนเท่านั้น ก็จะทะยานขึ้นฉลองบัลลังค์ในเมืองไทย โดยมาร์เกวซ เผยว่า “เรามีสุดสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมที่ อรากอน มันเป็นชัยชนะทีน่ายินดีสุดๆ ต่อหน้าแฟนๆ ในโฮมเรซ ผมต้องการรักษาความมั่นใจ และพลังงานเหล่านี้มาสู่การแข่งขันในไทย ดังนั้นเราจะมีสุดสัปดาห์ที่แข็งแกร่งแน่นอน”

        แชมป์โลกชาวสเปนกล่าวถึงโอกาสในการลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ในประเทศไทย ของเขาว่า “ปีที่ผ่านมา เราตื่นเต้นมากที่ได้มาแข่งขันในไทย ดังนั้นผมหวังว่าเราจะทำผลงานได้ดีเช่นเคย เพื่อแสดงให้แฟนๆ หลายคนได้เห็นที่นี่ เราจะไม่มีการเปลี่ยนวิธีการทำงาน แม้ในสถานการณ์ใดก็ตาม เราจะทำงานของเราอย่างเต็มที่ เพื่อหาความแข็งแกร่งที่สุด สนามนี้ปีที่แล้ว โดวิซิโอโซ เร็วมากๆ รวมถึงยามาฮ่า ก็แข็งแกร่งเช่นกัน เราจะพยายามมองหาการเซ็ตอัพที่ลงตัวที่สุดสำหรับทุกสภาพอากาศ เป้าหมายของผมคือการขึ้นโพเดี้ยมให้ได้ในทุกๆ สนาม”

        ด้าน โดวิซิโอโซ รองจ่าฝูงชาวอิตาลี ซึ่งมีคะแนนตามหลัง มาร์เกวซ อยู่ถึง 98 คะแนน กล่าวว่า “แน่นอนว่าโอกาสของ มาร์ค ในการคว้าแชมป์โลกในใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ในสนามช้างฯ เรามีความเร็วที่ดีในปีที่ผ่านมา และข้อมูลต่างๆ ที่เรามีจะช่วยให้เราทำผลงานได้ดี ผมเชื่อว่า ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ จะเป็นเรซที่เข้มข้นมากๆ เพราะทั้ง มาร์ค เองก็แข็งแกร่งมากๆ ขณะที่นักบิดจาก ยามาฮ่า ทั้ง 2 คัน (รอสซี่, มาเวริค บีญาเลส) ก็เร็วมากๆ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วง 3 รอบสุดท้าย การลุ้นแชมป์มีนักบิดถึง 4 คน ที่ต่อสู้กัน เชื่อว่าในปีนี้เรซที่บุรีรัมย์ ก็จะยังคงเข้มข้นไม่ต่างจากเดิม”

        ส่วน รอสซี่ ซึ่งห่างหายจากโพเดี้ยมมาตั้งแต่การแข่งขันสนามที่ 3 ในประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “ปีที่แล้วการแข่งขันที่ บุรีรัมย์ ถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับเรา เพราะผมทำเวลาในรอบควอลิฟายมาเป็นอันดับ 2 และก็ทำความเร็วได้ดีในการแข่งขัน ผมสามารถต่อสู้เพื่อโพเดี้ยมได้ในสนามแห่งนี้ และจบในอันดับ 4 ก็ตาม ดังนั้น เป้าหมายในปีนี้ของเราคือ ทำความเร็วให้ได้เหมือนเดิม และพยายามทำให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา”

        ทางด้าน“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดชาวไทยวัย 20 ปี ที่ลงแข่งในรุ่น โมโตทู ภายใต้สังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย กล่าวถึงความพร้อมว่า “ตอนนี้สภาพร่างกายพร้อมสุดๆ ครับ ส่วนแผนของเราจะยังคงเหมือนกับทุกๆ สนามครับ ในตอนนี้ผมกับทีมทำงานกันลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเซ็ตอัพ ซึ่งเราสามารถเริ่มเซ็ตอัพกันได้เลยตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก นั่นคือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทำงานในทุกสนามของเราคืบหน้าไปได้เร็ว ส่วนที่ สนามช้างฯ เป็นสนามที่ผมชอบที่สุด และมีความถนัดมากที่สุดของปี ที่สำคัญเราได้แข่งขันต่อหน้าแฟนๆ ในบ้านเกิดด้วย ผมเชื่อว่าเราจะทำผลงานได้ดีในสุดสัปดาห์นี้ โดยตั้งเป้าจะคว้าอันดับ 5 มาครองให้ได้ เพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวไทยทุกคนด้วยครับ”