"บิ๊กตู่" บ่นพึมทุกปัญหาต้องแก้จากต้นตอ ระบุทุกประเทศที่เจริญเขาเคารพกฎหมาย แต่เราชวนกันแก้กฎหมายให้มากที่สุด ฝ่ายค้านไม่แปลกใจ "ประยุทธ์" ไม่ถือธงนำแก้ รธน. "หน่อย" ชี้เขียนไว้ในนโยบายเร่งด่วนแถลงต่อรัฐสภาแล้ว หากไม่ทำถือว่าผิด รธน. แจง 7 พรรคไม่เป็นหัวหอก อ้างไม่อยากให้แบ่งแยกวุ่นวาย โยนเป็นวาระ ปชช. "ธนาธร" ซัดนายกฯ ย้อนแย้งตัวเอง จี้พรรคร่วมทำตามที่เคยหาเสียงไว้ "ช่อ" พลิ้ว! หากทำโพล ปชช.ไม่เอาด้วยก็ยังเดินหน้าต่อ ฟุ้งเลือกตั้งซ่อมเหมือนประชามติกลายๆ เอา-ไม่เอาประยุทธ์ ขณะที่ พท.ลั่นไม่ฮั้วกับ อนค.
เมื่อวันพุธ ที่บริเวณวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมจิตอาสาตอนหนึ่งว่า "วันนี้เราเจออยู่หลายปัญหา ทั้งอุทกภัย ภัยแล้ง เกษตรกร อะไรต่างๆ ทุกปัญหาต้องแก้จากต้นตอ ทุกคนต้องร่วมกัน ทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่ ประชาชน แล้วใครมีจำนวนมากน้อยกว่ากัน ถ้าทุกคนช่วยกันมันก็แก้ได้ทุกปัญหา"
"เรามีกฎหมายไว้ให้ทำหรือไม่ให้เกิดปัญหา ถ้าไม่เคารพกฎหมายมันก็เลิกหมด ทุกประเทศที่เขาเจริญ เขาก็เคารพกฎหมายทุกตัว กฎหมายทุกตัวจริงๆ ต้องตามดูแล้วกัน แต่เราชวนกันเลิกกฎหมายหรือชวนแก้กฎหมายให้มากที่สุด ตนไม่รู้มันย้อนทางกันอย่างไรยังไม่รู้เลย และการแก้ปัญหาอะไรก็ตาม ต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาไม่ใช่แก้ง่ายๆ หรือแก้เร็วๆ แล้วจบ ได้รับความชื่นชมแล้วจบ แล้วปัญหาจะเกิดอีกหรือไม่ ในวันหน้าก็เกิดขึ้นอีกนั่นแหละ เราต้องแก้วิธีการคิดใหม่ ใช้สติปัญญาแก้ทุกเรื่อง ประชาชนต้องมีส่วนร่วม เจ้าหน้าที่เองก็ต้องเข้มแข็ง กฎหมายทุกตัวต้องใช้ได้ ถ้าทุกคนต่างลดการทำความผิด ก็ไม่เกิดขึ้นซักอย่าง ทุกอย่างจะมีการพัฒนา เศรษฐกิจก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ"
"ฉะนั้นขอความกรุณาช่วยกันเถอะ ผมรับผิดชอบอยู่แล้ว โยนไปให้ใครไม่ได้ นายกฯ ต้องรับผิดชอบ แต่ช่วยผมหน่อยเท่านั้นเอง ขอแค่นั้นแหละ และกรุณาฟังสิ่งที่ผมพูดบ้าง เจตนาของผมไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้น แต่จะให้ผมพูดคำหวานอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ทุกคนชอบคำหวาน เสร็จแล้วนั่นก็คือยาพิษสำหรับท่าน การช่วยคนถ้าช่วยในทางที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือการให้ยาพิษ วันหน้าท่านก็ตายอยู่ดี ผมไม่ใช่คนแบบนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
วันเดียวกัน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดโอกาสให้คณะนายทหารจากกองบัญชาการกองทัพบกเข้าอวยพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 73 ปี โดยมี พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก เป็นผู้แทน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ., พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ อดีตฝ่ายเสนาธิการเมื่อครั้ง พล.อ.สนธิดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ร่วมอวยพร
พล.อ.สนธิกล่าวว่า ฝากกองทัพทำให้ประชาชนรัก เพราะหากประชาชนรักกองทัพแล้ว ประชาชนจะรักและเคารพสถาบันเบื้องสูงด้วย ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไว้หลายเรื่องเป็นสิ่งที่ดี อยากให้นำมาใช้เป็นบทเรียน ขอให้นำความคิดมารวมเป็นหนึ่งเดียวจะทำให้สังคมดีขึ้น โดยเฉพาะความรักสามัคคี ความปรองดอง วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มาจากการเลือกตั้ง สังคมต้องให้เกียรติและเคารพนายกฯ ในการบริหารประเทศ ติดตามการทำงาน หากมีสิ่งใดที่ต้องการติติงก็บอกไป ขณะที่นายกฯ ต้องทำในกรอบของผู้ปกครองประเทศ โดยเฉพาะต้องรักประชาชน มีความยุติธรรม ไม่เลือกรักใครเป็นพิเศษ ต้องรักคนทั้งประเทศไม่ว่าจะอยู่พรรคใด
"ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหลักการรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน ดังนั้นถ้าจะแก้ไขต้องถามประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร รัฐธรรมนูญแก้ไขได้เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป กฎหมายต้องมีความชัดเจน เคร่งครัด ประเทศถึงจะไปได้ แต่ปัจจุบันความอ่อนแอที่เกิดขึ้นคือวินัย สิทธิหน้าที่ และการบังคับใช้กฎหมาย" พล.อ.สนธิกล่าว
ฝ่ายค้านไม่ถือธงนำ
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์มีท่าทีจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในนโยบายเร่งด่วนข้อ 12 ของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ต้องกลับไปถาม พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อไปใส่ไว้ในนโยบายเร่งด่วนเอง ไม่ได้มีใครไปจี้บังคับ ถ้าไม่ทำก็ผิดรัฐธรรมนูญเพราะแถลงเป็นนโยบายต่อสภา และมีการตั้งกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ส่วนแนวคิดที่ฝ่ายค้านจะเข้าไปพบนายกฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องของ 7 พรรคร่วมที่ได้คุยกันว่า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจะไม่เป็นเจ้าภาพ จะไม่เป็นหัวหอกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราไม่ต้องการให้เกิดความยุแยงแบ่งแยกว่าเป็นเรื่องการเมือง ไม่อยากให้เป็นวาระของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่อยากให้เป็นวาระของประชาชน
"ฝ่ายค้านไม่มีธงแก้ไขประเด็นใดเลย ไม่ต้องแก้ให้เราได้ ส.ส.มากขึ้น แต่จะทำหน้าที่ชี้ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐธรรมนูญมีปัญหาเมื่อไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประเทศได้ ก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เราจะปล่อยประเทศนี้มีรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้แล้วก็อยู่กันแบบนี้หรือ จึงมีการเสนอให้มีการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราเดียวก่อน คือมาตรา 256 เพื่อเป็นกุญแจไปสู่การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และจะไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 ไม่แตะต้อง ฝ่ายค้านไม่อยากถือธงนำ แต่อยากให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อการสร้างความรักและสามัคคีให้กับคนไทย"
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า เราพยายามใช้วิธีทางสภาแก้ไขปัญหา อาจจะไม่ได้ทำอะไรที่สะใจแฟนคลับได้มากนัก แฟนคลับก็บ่น แต่เราก็ต้องมีสติ ไม่ทำอะไรที่จะทำให้เข้าทางอีกฝ่ายแล้วเกิดความวุ่นวาย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เหนือความคาดหมาย ชนชั้นใดร่างรัฐธรรมนูญก็เพื่อชนชั้นนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าไม่มี ส.ว. 250 คนมาช่วยโหวต พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แบบกดรีโมต ไม่มีสูตรการคำนวณ ส.ส.ที่ผิดเพี้ยน จนได้ ส.ส.เอื้ออาทร นึกไม่ออกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายกฯ อย่างไร พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านทราบมาตั้งแต่ต้นว่าถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ก็จะไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญที่ตัวเองได้ประโยชน์ เสียงประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นคนบอกว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
"ที่น่าตกใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ทนเห็นแฮชแท็ก #ประยุทธ์ออกไป กลับมาติดเทรนด์ฮิตทวิตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่นั่นคือสัญญาณและสิ่งบ่งชี้ความรู้สึกของประชาชน ถึงวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์อาจจะพ้นไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นได้" นายอนุสรณ์กล่าว
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์มีความย้อนแย้งในตัวเองอย่างมาก คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์เองต่างหากที่ไม่ทำตามกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่เที่ยวบอกให้คนอื่นทำ ดังจะเห็นชัดในเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ, การแถลงนโยบายโดยไม่ชี้แจงที่มาของเงิน และการทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ ล้วนผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น นี่คือสิ่งที่ย้อนแย้ง คือบอกให้คนอื่นทำตามรัฐธรรมนูญ แต่ตนเองอยู่เหนือรัฐธรรมนูญได้
จี้พรรคร่วมแสดงท่าที
2.ถ้าย้อนไปตอนทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ท่านได้ถามประชาชนไหม วันนั้นที่ท่านฉีกรัฐธรรมนูญ นี่เป็นเรื่องตลก พอประชาชนรณรงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่านกลับถามว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศเห็นด้วยหรือเปล่า และที่สำคัญก็เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์หลังยึดอำนาจด้วยว่า เตรียมการเรื่องรัฐประหาร 6 เดือน ซึ่งพอนับไปตอนนั้นสังคมไทยยังไม่มีเหตุการณ์ ยังไม่เดินไปสู่ทางตันด้วยซ้ำ หมายความว่าท่านเป็นคนวางแผนและมีส่วนร่วมกับกระบวนการที่ดูเหมือนทำให้ประเทศเป็นทางตันใช่หรือไม่
3.กล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2560 พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนร่างเอง วัตถุประสงค์รัฐธรรมนูญฉบับนี้คือการสืบทอดอำนาจของ คสช. ออกแบบมาให้แก้ไขไม่ได้ในกระบวนการปกติ ดังนั้นไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะบอกให้ประชาชนแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกระบวนการที่เขียนไว้ เพราะรู้ว่าถ้าเดินตามแก้ไขตามกระบวนการนั้นจะทำไม่สำเร็จ นี่คือรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อให้พวกเขาสืบทอดอำนาจได้ โดยไม่ต้องฟังเสียงประชาชน
"การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าไม่เอาด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 จึงอยากถามไปถึงพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคที่ชูนโยบายหาเสียงให้มีการแก้ไข รธน.อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสามารถผลักดันให้เรื่องนี้เข้าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนได้ จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป เมื่อชัดเจนแล้วว่าผู้นำของฝ่ายรัฐบาลที่ท่านเข้าร่วมด้วยนั้นไม่เอาด้วยกับการแก้ไข" นายธนาธรกล่าว
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรค อนค.จะจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นและการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จำนวน 6,000 ตัวอย่างว่า ขณะนี้กำลังวางกรอบการทำงาน โดยผลโพลจะเป็นแนวทางในการทำงานของเราต่อไป และอาจมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะเรื่องการรับรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เราพูดกันว่ามีคนสนใจ แต่อีกฝั่งหนึ่งบอกว่าคนไม่สนใจ หรือไม่สำคัญเท่าปัญหาปากท้อง ต่างฝ่ายต่างมีชุดคำพูดที่จะยืนยันว่าฝ่ายของตัวเองถูกต้อง ซึ่งเถียงกันไปมาก็ไม่ได้ประโยชน์ โพลจะเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพราะพรรคการเมืองย่อมต้องประเมินว่าประชาชนคิดไปทางไหน
เมื่อถามว่าหากผลการสำรวจสะท้อนว่าประชาชนรับรู้น้อย หรืออาจไม่ต้องการแก้ไข รธน.มากพอ พรรคจะสื่อสารกับสังคมอย่างไร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า การที่เราบอกว่าจะทำโพล ไม่ได้ทำเพื่อจะยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้อง แต่เพราะอยากรู้ว่าสังคมคิดอย่างไรอยู่จริงๆ ดังนั้นไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร พรรคอนาคตใหม่จะยังทำงานเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป แต่โพลจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราทำงานได้ตรงเป้ายิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดเวทีสานเสวนาเรื่องการแก้ไข รธน.ครั้งต่อไป น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ตอนนี้เราจัดเวทีครบทุกภาคแล้ว ถือว่าจบเฟส 1 จากนี้จะต้องประเมินผล โดยเราคาดหวังว่าหน่วยงานวิชาการ รัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม จะเริ่มขยับในส่วนของตัวเองในการทำแคมเปญนี้เช่นกัน เพราะเป้าหมายคือการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้ ต้องไม่ใช่พรรคการเมืองเท่านั้นที่ทำ แต่ทุกภาคส่วนต้องลุกขึ้นมาทำร่วมกัน
โฆษกพรรค อนค.ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 5 จ.นครปฐมว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การได้ตัว ส.ส.เขต 5 แต่เป็นการแสดงออกความคิดเห็นผ่านกระบวนการประชาธิปไตยว่าเอาหรือไม่เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนกับการทำประชามติกลายๆ หลังจากที่มีรัฐบาลใหม่ ขอให้พี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะๆ
พท.ไม่ฮั้วกับ อนค.
ส่วนนายธนาธรกล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการประชาชนได้ พี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ตนได้ไปพบปะพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความเดือดร้อน ปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมที่รัฐบาลไม่อาจแก้ไขให้ได้ ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์เลือกให้การลงคะแนน จ.นครปฐม เขต 5 เป็นมติมหาชน เลือกที่จะลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ไว้วางใจผู้นำแบบนี้ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ผ่านเสียงของการลงคะแนนเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 23 ต.ค.นี้ จะเป็นมติมหาชน โดยจะเริ่มที่ จ.นครปฐม เขต 5 เป็นที่แรก และจะลุกลามไปในทุกเขต ทุกจังหวัดที่มีการเลือกตั้งซ่อม
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงความพร้อมในการเตรียมผู้สมัครในนามพรรคต่อการเลือกตั้งซ่อมใน จ.สมุทรปราการ, กำแพงเพชร และขอนแก่นว่า ขณะนี้เตรียมความพร้อมทั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ซึ่งบางเขตอาจจะใช้คนเดิม บางเขตอาจจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ และพรรคจะมีตารางลงพื้นที่
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งซ่อมในขอนแก่นและกำแพงเพชร มีกระแสข่าวว่าพรรคอนาคตใหม่หลีกทางให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ปฏิเสธทันทีว่า "ไม่เคยมีการคุยกันเรื่องหลีกทาง มันไม่ได้ การเลือกตั้งซ่อมใน จ.นครปฐม พรรคเพื่อไทยไม่ได้หลีกทาง แต่เป็นเพราะพรรคไม่มีตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ทำให้ส่งไม่ได้ แต่ไม่ใช่เป็นการฮั้วกัน"
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมว่า อยากให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ตื่นตัวไปใช้สิทธิ์ให้มาก หลังจากที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่ารัฐบาลล้มเหลวในการบริหารประเทศ เสียงทุกเสียงต่อจากนี้ที่จะเลือกผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านให้ชนะเลือกตั้ง จะเป็นการกดดันรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ให้ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน และจะทำให้ฝ่ายค้านมีอำนาจมากขึ้นในการเข้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สิ่งที่สำคัญต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคน นั่นคือการตรวจสอบการเลือกตั้ง จัดอาสาสมัครจับตามองผลการนับคะแนนหน้าหน่วยเลือกตั้งเพื่อป้องกันการโกง
มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า สำหรับการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งซ่อมที่คาดว่าจะมีขึ้น 4 เขต มีเพียงเขต 5 นครปฐม เนื่องจากในการเลือกตั้งใหญ่พรรคไม่ได้ส่งผู้สมัครในเขตนี้ ทำให้ไม่มีตัวแทนพรรคประจำเขตเพื่อดำเนินการเรื่องไพรมารีโหวต ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 2 กำแพงเพชร ซึ่งคราวที่แล้วจะใช้ทีมผู้สมัครจากแกนนำชากังราวที่มีนายวราเทพ รัตนากร เป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่ได้ยกทีมผู้สมัคร ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐกะทันหัน ทำให้พรรคหาผู้สมัครใหม่ไม่ทัน ซึ่งในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้พรรคจะส่งผู้สมัครแน่นอน อยู่ระหว่างการคัดเลือก ส่วนเขต 5 สมุทรปราการ พรรคจะส่งนางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนนลำดับที่ 2 ในการเลือกตั้งใหญ่ลงแข่งขัน
ขณะที่เขต 7 ขอนแก่น แม้ตอนนี้สถานภาพความเป็น ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตจะยังไม่ชัดเจน แต่พรรคก็คาดการณ์กันว่าพื้นที่ขอนแก่นมีแนวโน้มสูงที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมแทนนายนวัธ ซึ่งพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายนวัธออกมาแล้วต้องเลือกตั้งใหม่ โดยมีแคนดิเดตผู้ลงสมัครแทน 2 คนคือ นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน แม้ทั้งคู่ต่างมีความเหมาะสม แต่แนวโน้มตอนนี้ค่อนข้างแน่ชัดว่าจะให้โอกาสนายธนิก เพราะถือเป็นแคนดิเดตผู้สมัคร ส.ส.ที่ขับเคี่ยวมากับนายธวัธตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา
ที่สวนสันติชัยปราการ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์ว่า กกต.มีมติให้นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตและไม่ให้ประกันตัวขาดคุณสมบัติเป็น ส.ส.แล้ว โดยไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ข้อมูลดังกล่าวตนทราบรายงานจากเจ้าหน้าที่ แต่ กกต.ยังไม่มีการประชุมเรื่องนี้ ดังนั้นจึงต้องรอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหารือจนได้ข้อสรุปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีปัญหาสถานภาพ ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ทำให้ที่ประชุม กกต.วันที่ 3 ต.ค.นี้จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ว่าต้องมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยหรือไม่
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสวนดุสิตโพล เนื่องในโอกาสรัฐบาลทำงานครบรอบ 3 เดือน โดยประชาชนให้คะแนนรัฐบาลสอบตกในทุกด้านว่า ถือเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีม ตอนนี้จึงเหลือเพียงทางเดียวที่พอจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ คือต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะต้องยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ความหวังใหม่ของคนไทยอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเพียงความหวังหมด เพราะได้พิสูจน์ผลงานมากว่า 5 ปี แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |