โกอินเตอร์ไปทำงานที่ประเทศจีนได้พักใหญ่แล้ว สำหรับ “บี้ เคพีเอ็น” หรือ ธรรศภาคย์ ชี ที่เจ้าตัวต้องห่างกับครอบครัว เพราะต้องเดินทางไปๆมาๆอยู่ตลอด โดยนักร้อง-นักแสดงหนุ่มได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
“ช่วงนี้มาอยู่เมืองไทยได้ประมาณเกือบ 8 เดือนแล้วครับ ช่วงนี้กลับมาอยู่นานครับ คือกลับมาทำธุรกิจเบื้องหลังบ้าง แล้วก็มีหลายอย่าง ตอนนี้เป่าเปาเริ่มโตแล้ว บี้ไปรับ-ส่งลูกทุกวันอยู่แล้ว มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าถ้าไม่ติดอะไรจำเป็นจริงๆ เราก็ไป คือเราเองตอนเด็กเราไม่มี พ่อแม่เรายุ่ง แล้วทุกครั้งที่เราเดินออกจากโรงเรียน แล้วเพื่อนมีพ่อ แม่ มารับบ้าง เราเดินจากโรงเรียนกลับบ้านตั้งแต่ ป.2 คือตั้งแต่ไม่มีเปา เราก็บอกตลอดว่าถ้าเราเป็นพ่อขึ้นมาจริงๆ เราต้องพยายามไปรับลูกให้ได้ มันเป็นเซอร์ไพรส์ที่มีความสุข
แต่บี้ก็มีความรู้สึกผิดต่อเป่าเปา ต่อกุ๊บกิ๊บ รู้สึกว่าตัวเองยังบกพร่องอยู่ มันเริ่มตั้งแต่ไปทำงานที่จีนแล้ว ตั้งแต่บวชด้วย ตั้งแต่เป่าเปา 4 เดือน แล้วบี้ตัดสินใจไปบวชเดือนกว่า แล้วบี้รู้สึกว่าบี้ไม่ได้ช่วยกิ๊บเลย หรือเราไปทำงานที่จีน เราก็ไปถ่ายที 2 เดือน เสร็จแล้วต่ออีก 3 เดือน ต่ออีกเรื่องนึง ผมมีช่วงนึงที่เกือบ 10 เดือนไม่ได้กลับบ้าน กลับครั้ง 2 ครั้ง แล้วบี้รู้สึกว่าไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ดีที่อยู่กับลูกตลอดเหมือนคุณพ่อคนอื่นๆ อันนี้เป็นสิ่งที่บี้รู้สึกผิดตลอด ซึ่งบี้จะบอกกิ๊บตลอดว่า ขอโทษนะ ขอบคุณนะ ที่เราไม่ได้อยู่ตั้งแต่ที่ลูกเดินเป็นครั้งแรก บี้รู้สึกเสียดาย วันเกิดที่ผ่านมาได้พูดกับกิ๊บด้วย ว่าตัวเองรู้สึกบกพร่อง จริงๆบี้ว่าสำหรับคำว่าขอบคุณกับขอโทษมันเป็นคำที่พูดได้บ่อยอยู่แล้วสำหรับชีวิตคู่ แล้วบี้ก็ไม่ได้เขินอายที่จะพูดกับเขา แต่ว่าอยากจะขอบคุณเขา ก็คือเหมือนเขาดูแลลูกแทนเรามาเยอะเราก็ต้องขอบคุณเขามากๆ เขาไม่เคยบ่นท้อเลยครับ มีแต่บี้ถามเขาว่าเธอโอเคเปล่า เธอไหวเปล่า เธอไม่ไหวเดี๋ยวบี้ทำเอง
เรื่องการหึงหวงไม่ค่อยนะ คือเขาเชื่อใจ เขาไม่เคยเช็กโทรศัพท์ เขาไม่เคยถามว่าเธออยู่กับใคร ทำอะไร ที่ไหน มีแต่บี้คอยบอกเขา คือด้วยความที่อายุมันมากขึ้น แล้วเรารับผิดชอบเยอะขึ้น เราทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตลอดเวลานั่นคืองานอย่างเดียว เราแทบจะไม่มีเวลาไปคุยอะไรกับใครหรือทำอะไรกับใครได้ แต่บี้มีหึงเขานะ คือต่างคนต่างไม่ว่าจะแต่งงานแล้วมันก็จะต้องมีคนเข้ามาอยู่แล้ว คือเราเองเราจะรายงานอยู่แล้ว จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้เขาคิดอะไรกับเราก็จะเล่าให้กิ๊บเขาฟังบ้าง หรือกิ๊บมีคนเข้ามาเขาก็จะบอกว่านี่เธอมีคนไลน์มานะ ก็จะเล่ากัน ถามว่าจี๊ดไหม ไม่นะเพราะเขาเป็นคนของเราอยู่แล้ว
ไปทำงานที่จีนก็ดีนะ ตอนที่เดินข้างทางคนก็จะเรียกชื่อเรา สูญเสียความเป็นส่วนตัวเหมือนตอนอยู่ในไทยไหม ครับ แต่ในจีนยังไม่ได้เยอะมาก แต่ก็มี อย่างล่าสุดบี้เดินเข้าไปในชอปนึงแล้วมันมีพนักงานเรียกชื่อเราแล้วสักพักเขาหายไป พอเขาหายไปคนในร้านก็หายไปด้วย คือเขากันคนออกหมดเลย
แต่กว่าจะเป็นบี้แบบนี้ บี้เคยไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท ท้อถึงขั้นคิดหันหลังให้กับวงการจริงไหมเหรอ ในช่วงนั้นคือช่วงที่กลับมาจากเกาหลี ประมาณ 5-6 ปี มาแล้ว หลังจากบี้ไปเกาหลีตอนนั้นบี้ไม่เหลืออะไรเลย ตอนนั้นเราอยู่ในวงการแล้วก็ฝันอยากเป็นศิลปินเกาหลี ก็เลยตามฝันไปเกาหลี ตอนนั้นไปฝึกซ้อมมันไม่มีเงินเดือนสักเท่าไหร่ ทุกอย่างมันก็ใช้เงินบริษัทบ้าง เงินตัวเองบ้าง จนตอนหลังบริษัทเขาล้ม แล้วเราต้องกลับมา แล้วตอนที่กลับมาตอนนั้นซื้อคอนโดนึง แล้วไม่มีตังค์เราต้องขายทิ้ง พอขายทิ้งเสร็จเงินเหลือติดตัวอยู่ 30,000 บาท แล้วก็กลับมาเคลียร์ค่าห้องที่ไม่ได้อยู่ เหลือเงินติดตัวหลักพัน ตอนนั้นไม่มีงาน ต้องยืมเงินไต้ฝุ่น เขาเป็นเพื่อนสนิท เขาช่วยมาก เรายืมเขาหลักหมื่นมาหมุนก่อน แล้วก็บอกตัวเอง บอกแม่ว่าไม่เวิร์ก ตรงนี้มันไม่ไหวแล้ว บี้บอกว่าขอเวลาอีกครึ่งปีเดี๋ยวถ้ามันล้มแล้วจริงๆ เดี๋ยวบี้ก็กลับไปอยู่กับพ่อแม่ กลับไปหางานทำที่หาดใหญ่ ที่บ้านก็ทำสวนยาง กลับไปเป็นเด็กสวนดีกว่า ผ่านไปไม่ถึงเดือน พี่เอส พี่ฉอดโทรมาว่ามีละครจะให้เล่น แต่เล่นเป็นชายรักชายนะ ก็เลยตัดสินใจไปเล่น ฟีดแบ็คดีมาก การกลับมาครั้งนี้คือทำให้เรามีงานเลย มีอีเว้นต์เข้ามาเลย”
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม bie_kpn
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |