“ธนารักษ์” เตรียมไล่บี้ส่วนราชการใช้ที่ราชฯผิดวัตถุประสงค์ หาเงินเชิงพาณิชย์ต้องส่งเข้าคลัง


เพิ่มเพื่อน    

 

2 ต.ค. 2562 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในฐานะอธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่ ได้ตั้งเป้าการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2563 ไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่  10,000 ล้านบาท โดยจะเข้าไปสำรวจพื้นที่ราชพัสดุที่ให้หน่วยงานราชการ แต่นำไปใช้ประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีทั้งการเปิดสถานีบริการน้ำมัน เปิดร้านสวัสดิการ ร้านกาแฟและให้เช่าช่วงต่อในอัตราสูง ซึ่งหน่วยงานราชการดังกล่าวไม่เคยนำส่งเงินรายได้เข้ารัฐ ซึ่งกรมฯ จะสั่งการให้ธนารักษ์พื้นที่ลงไปสำรวจพื้นที่เหล่านี้และติดตามความคืบหน้าผ่านศูนย์ข้อมูลที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ โดยจะสำรวจให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกรมธนารักษ์ให้มากขึ้น

“พื้นที่ราชพัสดุมีทั้งหมด 13 ล้านไร่ ต้องไปสำรวจว่าแต่ละหน่วยงานใช้พื้นที่วัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใด แต่ในเบื้องต้น มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ บางแห่งไปทำเป็นปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ แต่ไม่เคยส่งรายได้เข้ารัฐเลย เก็บไว้เองทั้งหมด ซึ่งไม่ถูกต้อง หรืออย่างเช่น กรมควบคุมโรค ปกติต้องจ่ายค่าเช่าที่ราชพัสดุให้กรมธนารักษ์เดือนละ 600 บาท แต่เอาไปให้เช่าช่วงต่อเดือนละ 30,000 บาท แต่เงินจ่ายเราแค่ 600 บาทที่เหลือเขาเก็บไว้เอง ก็ไม่ถูก จริงๆ ต้องให้เรา 25,000 บาท ก็ต้องเข้าไปดูตรงนี้ อุดช่องโหว่ตรงนี้”นายยุทธนา กล่าว

ทั้งนี้เกณฑ์การจัดเก็บรายได้ที่ราชพัสดุของหน่วยงานราชการนั้น หากหน่วยงานราชการนำพื้นที่ไปใช้ในเชิงพาณิชย์จะต้องเแบ่งสัดส่วนรายได้เข้ารัฐ 70% ของรายได้ที่ได้รับ และเก็บไว้บริหารจัดการเองในหน่วยงาน 30% แต่ที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้รายได้ดังกล่าวไปทั้งหมด 100% โดยไม่ส่งเงินเข้ารัฐ ส่วนอัตราค่าเช่าของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหลังจากมี พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุปี 2562 บังคับใช้นั้น จะมีการจัดเก็บค่าเช่า จากเดิมที่ยกเว้นค่าเช่าให้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งว่ามีรายได้มากน้อยเพียงใด เพื่อนำมาคำนวณการคิดอัตราค่าเช่าที่เหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ เตรียมส่งหนังสือไปยังทุกหน่วยงานราชการ ให้จัดสรรพื้นที่ให้ชุมชน หรือวิสาหกิจชุมชนมีพื้นที่จำหน่ายสินค้าและทำกิจกรรมในระดับตำบล อำเภอ และระดับจังหวัด เพื่อดำเนินงานตามโครงการประชารัฐสร้างไทยของรัฐบาล ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณและทำได้เลย โดยจะเป็นการเปิดพื้นที่ใช้สอยแบบหมุนเวียนเพื่อให้ประชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งตั้งเป้าภายในปี 2563 จะให้ประชาชนมีพื้นที่ดังกล่าวให้ไดทุกจังหวัด

ขณะที่การลงทุนในพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์นั้น จะสานต่อโครงการที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้อย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 4-5 ปีข้างหน้า จะมีการลงทุนคิดเป็นมูลค่า 60,000-70,000 ล้านบาท อาทิ พื้นที่ราชพัสดุศูนย์ประชุมสิริกิติ์ วงเงินลงทุน 10,000 ล้านบาท ที่ขณะนี้เริ่มก่อสร้างแล้ว จะแล้วเสร็จ ในปี 2565 ซึ่งจะต้องทันต่อการประชุมเอเปกที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี, ที่ดินบริเวณหมอชิต วงเงินลงทุน 26,000 ล้านบาท จะเร่งเจรจากับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยุติข้อปัญหาด้านการออกแบบก่อนลงนามทำสัญญาในเดือน ก.ค.2563 หลังจากที่มีปัญหามานาน และไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้, โรงแรมร้อยชักสาม วงเงินลงทุน 1,600 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเร็วๆ นี้, ศูนย์ราชการโซน C วงเงินลงทุน 30,000 ล้านบาท ที่ได้ผู้ออกแบบโครงการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้รับจ้างก่อสร้าง ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"