"ฐิติราช" ยัน "สุทธิ" ไม่รอด โดนแน่ ม.157 ส่วนที่บอกว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหาเป็นเหมือนการสะกดจิตหมู่นั้น เพราะครูปรีชามีความสามารถในการพูด ขณะที่ "ปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น-เจ๊พัช" โดนอีกกระทง จ่อออกหมายเรียกฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทนายอ้าง "ครู" หายไป 3 วันแล้ว ส่วน "เจ๊พัช" ออกอาการโร่ทำบุญโลงศพ
หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ต่อการแถลงข่าวของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชันจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) คดีที่มีการฟ้องร้องระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี คู่กรณีของ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อายุ 62 ปี ข้าราชการเกษียณตำรวจ ที่ฟ้องร้องแย่งชิงกรรมสิทธิ์ผู้ถือครองสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท เพราะมีการพูดปกป้องตำรวจด้วยกันนั้น
พล.ต.ท.ฐิติราชแถลงข่าวอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ยืนยันว่าตำรวจไม่มีการช่วยเหลือกัน ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ โดยขั้นตอนหลังจากนี้เมื่อแจ้งข้อหาแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะสรุปสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป
"ผมไม่ได้บอกว่าผู้การเมืองกาญจน์ไม่ได้ทุจริต แต่หมายความว่าตอนเริ่มต้นเขาไม่ได้ทุจริต แต่ทำไปเพียงเพราะเชื่อว่าครูเป็นฝ่ายถูก จึงให้ความช่วยเหลือ แต่ต่อมาผู้การฯ มีการแก้ไข ตัดต่อ เพิ่มเติม คำให้การในสำนวนเพื่อช่วยเหลือทางคดีกับฝ่ายครู เมื่อทำเช่นนี้จึงถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่อย่างชัดเจน จึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย"
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวกรณีที่ระบุว่าพฤติกรรมของผู้ต้องหาเป็นเหมือนการสะกดจิตหมู่ว่า เป็นการเปรียบเทียบ เพราะนายปรีชา ใคร่ครวญ (ครูปรีชา) มีความสามารถในการพูดและการสื่อสารโน้มน้าวให้คนทั่วไปเข้าใจได้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของสลากที่ถูกโกงเอาไป จึงทำให้ทุกคนรอบข้างเกิดความเชื่อ เกิดความสงสารเห็นใจจึงเข้ามาช่วยผู้ต้องหา เนื่องจากเข้าใจว่าถูกรังแก
"พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นได้เสมอที่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าข้างพวกพ้องตนเอง เพราะความใกล้ชิดและสนิทสนม"
โดนแน่นอน ม.157
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ล่าสุดมีรายงานจาก บก.ปปป. ระบุว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พล.ต.ต.สุทธิเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบแล้วที่ บช.ก. เบื้องต้นให้การปฏิเสธ และขอนัดกับเจ้าหน้าที่ ปปป.ในอีก 15 วัน เนื่องจะกลับไปรวบรวมหลักฐานเอกสารมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน วันเวลาและสถานที่ยังไม่แน่นอน แต่เชื่อว่าพล.ต.ต.สุทธิจะไม่หลบหนีแน่นอน
แหล่งข่าวระบุว่า ส่วนนายปรีชา นางรัตนาพร หรือ เจ๊บ้าบิ่น และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช ที่เป็นผู้ต้องหาในเรื่องการสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทาง บก.ปปป.ได้ออกหมายเรียกส่งไปทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษแล้ว เพื่อให้บุคคลทั้งสามมาพบพนักงานสอบสวน ปปป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในสัปดาห์หน้า หากไม่มาตามนัด จะดำเนินการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ตามระเบียบต่อไป
นายเกรียงไกร นาควลี ทนายความของนายปรีชา กล่าวว่า ตนเองได้รับหนังสือแจ้งจากทางศาลว่าให้นายปรีชาไปรายงานตัวต่อศาลอาญา ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ ส่วนที่ตำรวจจะมีการเชิญครูปรีชาไปสอบถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะติดต่อครูปรีชาไม่ได้ 3 วันแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ทราบว่าครูปรีชาน่าจะออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยได้โทรศัพท์ไปที่โรงเรียนเพื่อลาป่วย 1 วัน
ขณะที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของ ร.ต.ท.จรูญ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แสดงความเห็นภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) แถลงผลคดีหวย 30 ล้านบาท ว่า หลังจากท่าน ผบ.ตร.และ ผบช.ก.แถลงข่าวความคืบหน้าคดีปล้นหวยเมื่อวานนี้ไปแล้ว ผมได้ตามติดทั้งดูทีวี อ่านหลายสื่อหลายเพจ พบว่าส่วนใหญ่มีอารมณ์ต้านกับการแถลงข่าวครั้งนี้กันมาก
ประชาชนส่วนใหญ่คาใจในประเด็นเรื่องการขาดวุฒิภาวะ ประสบการณ์น้อยของคนเป็นผู้การ และประเด็นที่ไม่มีเจตนาทุจริต แต่ที่กระทำไปเหมือนโดนสะกดจิตหมู่
ผมเองทราบดีว่าท่าน ผบช.ก.และ ผบก.ป.พร้อมทีมงานตั้งใจทำคดีนี้อย่างเต็มร้อย เพราะนี่คือการเรียกศักดิ์ศรีให้กับองค์กรตำรวจกลับคืนมา ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องติดตามกันต่อไป
กู้ศักดิ์ศรีองค์กรตำรวจ
ประเด็นที่ผู้การจะมีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่นั้น ผมไม่ได้ให้ความสนใจเลยครับ เพราะมีฎีกา ม.157 มากมายที่ชี้ชัดว่าเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยที่ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรมาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แต่เมื่อเกิดความเสียหาย เจ้าพนักงานก็ต้องรับผิดในการกระทำนั้น
ตัวอย่างฎีกามีครับ ตำรวจไปจับโดยไม่มีหมายจับและไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า ตำรวจผิด ม.157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือกรณีตำรวจที่มีหน้าที่จับกุมหรือให้บริการประชาชน แต่ไม่ทำ นี่ผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฎีกาเหล่านี้ไม่ได้มีผลประโยชน์จากการเรียกรับทรัพย์สินแม้แต่น้อย ไม่ต้องมีเจตนาพิเศษอะไร แต่เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น มันผิดเต็มๆ อยู่แล้วครับ
ท่าน ผบช.ก.ตอบได้ตรงประเด็นชัดเจนดีครับว่า ผู้การทำผิดแน่นอนในเรื่องไปเปลี่ยน ไปแก้ไขเอกสารสำนวนการสอบสวนโดยมิชอบหลายครั้ง แม้จะทำไปโดยที่ไม่มีเรื่องทุจริตในผลประโยชน์ แต่เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ที่เกิดความเสียหายในกระบวนการสอบสวนชั้นตำรวจ แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะเข้าใจว่าต้องมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนเท่านั้นจึงจะผิด ซึ่งไม่ใช่ครับ ม.157 มันครอบจักรวาลอยู่แล้ว ทำโดยมิชอบหรือมีหน้าที่แล้วไม่ทำ มันผิดทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้วครับ
ขอให้ท่านและทีมงาน ร่วมกันทำเรื่องนี้ให้กระจ่างยิ่งๆ ขึ้นไป การกู้ศักดิ์ศรีองค์กรตำรวจเป็นหน้าที่ของท่าน ส่วนผู้ติดตาม ตรวจสอบประเมินผลคือประชาชนผู้เสียภาษี ตำรวจที่ทำดี ประชาชนจะออกมาปกป้องอยู่แล้วครับ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ปกป้องคนดีครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |