คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของรัฐบาล


เพิ่มเพื่อน    

      โดยศักยภาพและขีดความสามารถ ของฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลแล้ว...คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า โอกาสที่จะ น็อก รัฐบาล หรือสร้างความเจ็บปวด รวดร้าว ระดับต้องคายฟันยางออกจากปาก หรือกลับไปให้พี่เลี้ยงหยอดน้ำข้าวต้ม น้ำใบบัวบกตอนเข้ามุม ออกจะเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

                                                       ------------------------------------------------------

      ซึ่งก็คงไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลนั้นแข็งแกร่ง ปานภูประดุจผา หรือปานผนังทองแดง-กำแพงเหล็ก อะไรมาก แต่น่าจะเป็นเพราะหน่วยก้าน ลีลา ช่วงชก น้ำหนักหมัด ของประดาฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลนั่นเอง ที่ออกไปทางเร่อๆ ร่าๆ หนักไปทางป่ายซ้าย-ป่ายขวา ว่ายน้ำเข้าหาคู่ต่อสู้ไม่ต่างอะไรไปจาก มวยวัด แถมน้ำหนักหมัด ไม่ว่ามือ-เท้า-เข่า-ศอก ตลอดไปจนถึงส้นตีน ยังเบาหวิว โหวงๆ เหวงๆ ปานประดุจปุยนุ่น ซะอีกต่างหาก...

                                                          ---------------------------------------------------------

      เฉพาะแค่ในเวทีรัฐสภานั้น...เจอเข้ากับ งูเห่า ไล่ฉก ไล่กัด แค่ไม่กี่ตัว ก็ตายแล้ว!!! ต่อยไม่ออก แจกจ่ายอาวุธไม่ได้ถนัดถนี่ เพราะต้องเอาแต่คอยปัด คอยป้อง ไม่ให้งูแต่ละตัว กัดโน่น กัดนี่ จนแทนที่จะปล่อยหมัด-เท้า-เข่า-ศอก ใส่คู่ต่อสู้ ดันต้องหันมากัดกันเอง ฉกกันเอง ล็อกแขน ล็อกขา กันเอง ชนิดเห็นแล้วเหนื่อย หรือชนิด แฟนมุมแดง ด้วยกันเอง อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงโห่ อดไม่ได้ที่จะต้องบ่นพึมพำปานหมีกินผึ้ง...

                                                              ----------------------------------------------------------

      ส่วนเวทีนอกสภานั้น...ยิ่งหนักหนา สาหัส เข้าไปใหญ่ เจอเข้ากับ แดงเปรู แดงบราซิล หรือ แดงละติน ที่ยกโขยงมาแบกป้าย ชูป้าย ต้อนรับผู้นำรัฐบาลหน้าที่ทำการสหประชาชาติ เมื่อสองวันก่อน แค่นี้...ก็ต้องเรียกว่า ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีสวดกุสลาธัมมา-อกุสลาธัมมา ครบบทเมื่อไหร่ ก็สามารถทยอยเดินขึ้นเมรุ เผาหลอก เผาจริง ได้แบบฉับพลัน-ทันที คืออะไรมันจะป้อๆ แป้ๆ กระด้อกระเดี้ยหลาย ไปได้ถึงปานนี้ สำหรับบรรดาผู้ได้ชื่อว่านักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งหลาย...

                                                               ----------------------------------------------------------------

      แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าประดาฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัว น่าหวาดหวั่น ขวัญสยอง ต่อไปอีกแล้ว แต่นั่นก็ใช่ว่า...รัฐบาลจะปราศจากคู่ต่อสู้ที่ได้น้ำ ได้เนื้อ ไปโดยตลอดก็หาไม่ เพราะคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุด น่าประหวั่น พรั่นพรึงมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นไปจาก ตัวตนของรัฐบาล นั่นเอง ที่จะต้องต่อสู้กับตัวเอง ต้องหาทางยกระดับ ความชอบธรรม ของตัวเอง หรือต้องดำรง รักษา บรรดาสิ่งต่างๆ เหล่านี้เอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่งั้นโอกาสที่จะ น็อกตัวเอง ไม่ว่าด้วยการสะดุดหัวแม่ตีนตัวเอง ล้มคว่ำ คะมำหงาย ไม้ทิ่มฟันแทงเหงือกดันเสือกตาย ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...

                                                                  ----------------------------------------------------------------

      เพราะการ อยู่ยาวว์ว์ว์ มาประมาณ 4 ปี 5 ปี ของหัวหน้ารัฐบาลและทีมงาน...คงต้องยอมรับนั่นแหละว่า มันมีส่วนลดทอน ความสด ความใหม่ หรือกระทั่งความแปลกแตกต่าง ลงไปไม่น้อยทีเดียว และทำให้ ความเบื่อ มันกลายเป็นสิ่งซึ่งถูกชำแรก แทรกซึม เข้ามาแทนที่ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ และจะไป ดูเบา ไม่ได้เอาเลยกับอารมณ์ ความรู้สึก ที่ว่านี้ เพราะอย่างที่อภิมหานักคิด นักปราชญ์ชาวเยอรมัน ท่านเคยว่าๆ เอาไว้นั่นแหละว่า  ต้นตอแห่งการปฏิวัติ มีที่มาจากความเบื่อหน่าย อะไรประมาณนั้น...

                                                                    --------------------------------------------------------------

      การที่ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรผิดแผก แตกต่าง ออกไปจากสิ่งซึ่งเคยมีมาแต่แล้วเดิมๆ เศรษฐกิจก็เป็นไปในแบบเดิมๆ ง่วงเหงาหาวนอน ซึมกระทือต่อไปเรื่อยๆ สังคมก็ยังไม่เลิกทะเลาะ ไม่เลิกทุ่มเถียง กันในเรื่องเดิมๆ แถมยังเถียงกันได้ในทุกๆ เรื่อง ในแง่มุมเดิมๆ เหตุผลเดิมๆ โดยไม่คิดจะฉีกกรอบ หลุดกรอบ ไปจากเมื่อทศวรรษที่แล้ว ยิ่งการเมือง...ยิ่งโกบิ๊กไปกันใหญ่ กลายเป็นการเมืองที่ไม่ว่าฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ต่ำกว่ามาตรฐานไปด้วยกันทั้งคู่ อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้สิ่งที่เรียก ความเบื่อ มันเป็นอะไรที่จะ ดูเบา ไม่ได้เอาเลย...

                                                                     ------------------------------------------------------------

      หรือแทบไม่ต่างไปจาก กองฟืน แห้งๆ...ที่ถูกวางสุมเอาไว้ตามจุดต่างๆ ในแต่ละซอก แต่ละมุม ของสังคม รอวันเวลาที่ใครจะควักไม้ขีด ควักไฟแช็ก ที่มีประสิทธิภาพพอที่จะจุดไฟติดขึ้นมาได้เท่านั้นเอง โอกาสที่จะเกิดฉากเหตุการณ์ในระดับ...เตร๊งเตรง เตร่งต๋อย...ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์ ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ ด้วยเหตุนี้...การหันมาสู้กับตัวเองแบบเอาจริง-เอาจัง จริงๆ จังๆ สู้เพื่อยกระดับความชอบธรรม เพิ่มความชอบธรรมทางการเมือง ให้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นเอามากๆ ไม่ใช่แค่คิดจะสู้กับฝ่ายค้าน สู้กับฝ่ายตรงข้ามแต่เพียงเท่านั้น อะไรที่มันเป็นตัวถ่วง ตัวรั้ง เป็นตัวลดระดับความชอบธรรมลงไป ต้องหันมาถีบทิ้งให้มันไปไกลๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มันถึงจะพออยู่ๆ กันไปได้อีกซัก 4 ปี 5 ปี แม้ไม่ถึง 8 ปี อย่างที่โหรทำนายเอาไว้ก็ตามแต่...

                                                                       ------------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Lao-tse... He who conquers others is strong; he who conquers himself is mighty. – ผู้พิชิตผู้อื่นคือผู้เก่งกล้า...ผู้พิชิตตนเองคือผู้เกรียงไกร...

                                                                        -------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"