'ประยุทธ์'โชว์วิสัยทัศน์อาเซียนเป็นเสือ 10 ตัวเดินไปพร้อมกัน-งงคนประท้วงมาจากไหนก็ไม่รู้!


เพิ่มเพื่อน    

26 ก.ย.62 -  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 กันยายน เวลา 12.05 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ Asia Society นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้บริหาร Asia Society ได้แก่ มาดามโจเซ็ท ชีราน ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร Asia Society คุณทอม นากอร์สกี้ รองประธานบริหาร Asia Society และ แขกรับเชิญ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการรับประทานอาหาร นายกฯได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย”

นายกฯ กล่าวว่า หลายคนบอกว่าประเทศไทยขัดแย้งสูง เป็นผู้ป่วยอาเซียนหรือไม่ ขอย้ำว่าใครจะมองเป็นเสือตัวที่เท่าไหร่ ตนไม่สนใจ แต่ผู้นำอาเซียนทุกประเทศสัญญากับตนแล้วว่าจะเป็นเสือ 10 ตัวที่เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน ไม่ทะเลาะกัน จูงมือไปด้วยกัน เสือก็เสือ ถ้าใครบอกจะเป็นที่ 1จะโดนตีตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องไปด้วยกัน พี่จูงเพื่อน น้องจูงเพื่อน เพื่อนจูงเพื่อน ไม่อย่างนั้นเราจะแสดงบทบาทของภูมิภาคในต่างประเทศไม่ได้ ถ้าประเทศไทยไม่เข้มแข็ง 9 ประเทศไม่เข้มแข็ง อาเซียนก็ไม่เข้มแข็ง แล้วใครจะคุยกับอาเซียน ใครจะคุยกับประเทศไทยหรือประเทศอื่น ๆ แหล่งสินค้าตลาดของอเมริกาจะอยู่ที่ไหน ล้วนอยู่ในอาเซียนและไทยทั้งสิ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกประเทศมีปัญหาหมด เพียงแต่เป็นปัญหาภายใน ถามว่าประเทศไหนไม่เคยขัดแย้ง ก็ขัดแย้งกันหมดทั่วโลก เพียงแต่แก้ปัญหานี้อย่างไร จะเดินหน้าประเทศกันต่อได้อย่างไร ตนจึงเข้ามาเพื่อหยุดปัญหาเหล่านั้น หยุดความขัดแย้งไม่ให้บานปลายอีก แล้วเดินหน้าไปสู่การปฏิบัติ การเป็นประชาธิปไตยด้วยการสร้างระเบียบต่างๆ รัฐบาลที่ผ่านมาทำกฎหมายไปกว่า 400 ฉบับ แต่ก่อนหน้านี้น้อยกว่านี้มาก ต้องเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นภาระแก่ประชาชน ต้องเป็นกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ประชาชน ทำเช่นเดียวกับสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ไทยมองความเป็นสากล เป็นหลัก ไม่ได้มองเฉพาะแค่ตัวตนเอง ไม่ก้าวล่วงเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถา มีหญิงต่างชาติคนหนึ่งตะโกนบริเวณหน้าห้องปาฐกถา เรียกชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ว่า “มิสเตอร์ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาขอความร่วมมือให้ออกไปจากพื้นที่ ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็ยอมออกไปแต่โดยดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า “ฮัลโหล แต้งกิ้ว เวรี่มัช” ขอบคุณ แล้วกล่าวปาฐกถาต่อว่า ทราบดีว่าประชาธิปไตยเป็นสากลที่ทุกคนยอมรับ เป็นโรงเรียน เป็นระบบมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกในปัจจุบัน 

“ผมยอมรับ แต่ขอว่าต้องเข้าใจเรานิดหนึ่งว่าอะไรคือปัญหาและปัญหาอยู่ตรงไหน ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เราควรจะทำแค่ไหน ถ้าเราได้ความร่วมมือแบบนี้มันแก้ได้หมด ความขัดแย้งก็ลงลดลง หรืออย่างเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่วนที่มีคนมาประท้วงที่หน้าโรงแรมที่พัก 20 กว่าคน แต่กลับไม่ใช่คนไทยสักคน ยังไม่ทราบเลยว่ามาจากไหน แต่ไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ที่มาประท้วง แต่เมื่อมีคนไปถามว่าประเทศไทยอยู่ไหน กลับไม่รู้จักประเทศไทย ก็งง ๆ นะ แต่ไม่สนใจ เพราะมีงานสำคัญกว่าจะไปทะเลาะกับคนเหล่านี้ให้เสียเวลา"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นรัฐบาลมา 5 ปี ปีนี้เข้าปีที่ 6 เจอมาทุกปัญหา ก็รับฟังปัญหา นำกลไกต่าง ๆ ของเดิมกลับมาปรับมาแก้ อ่านตำราศึกษาอ่านหนังสือ ไม่ได้ใช้วิธีการทางทหาร ตนทำอย่างเดียวคือทำงานด้วยความเสียสละ อดทน อดกลั้น จริงจัง เพราะวินัยทหารคือทำงานแล้วต้องสำเร็จ  ถ้าไม่สำเร็จอย่าไปทำ ทหารต้องสั่งคนไปรบ ส่งคนไปตาย หากยึดที่หมายไม่ได้ก็ตายไปเลย นั่นคือทหาร และตนก็สำเร็จทุกครั้ง ถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเราทำไม่ได้ เราทำไม่เก่งก็ตายไป นั่นคือความเสียสละ นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจตนเสมอมา ตนไม่เคยคิดถึงประโยชน์ตัวเอง ไม่คิดถึงความเสี่ยงของตัวเอง ครอบครัวเป็นห่วงตน แต่เขาก็ยอมเพราะสละตนไปแล้ว ครอบครัวก็สละตนให้กับประเทศชาติไปแล้ว แล้วตนจะไปเรียกร้องอะไรจากใคร แต่เขาเข้าใจตน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ใครมีคำสั่งศาลถือว่าไม่ใช่คนดี ซึ่งเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นายกรัฐมนตรีได้ถามผู้บริหารเอเชียโซไซตี้ว่าสนับสนุนคนเหล่านี้หรือไม่ บางเรื่องไม่ใช่คดีการเมืองแต่เป็นคดีอาญา ยืนยันตนไม่เคยทำผิดกฎหมาย แม้ว่าจะเข้ามาลักษณะนี้ และไม่ได้อยากเข้ามา แต่เพราะไทยมีปัญหา ไม่อยากให้เกิดสงครามการเมืองจึงต้องเข้ามายุติปัญหา กฎหมายจะบังคับได้ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน เจ้าหน้าที่เป็นคนดูแลบริหารจัดการ แต่ต้องไม่ทุจริต 

“ทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าที่ถือป้ายเมื่อกี้คือใคร ทั้งที่โรดแมปทำแล้ว เลือกตั้งทำแล้ว ขอยืนยันประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและเป็นที่ยอมรับ ใครจะว่าผมไม่เป็นประชาธิปไตย ผมเลือกตั้งได้อาทิตย์เดียว รัฐบาลสหรัฐเป็นประเทศแรก ๆ ที่ออกแถลงการณ์ยอมรับผลการเลือกตั้งของไทย แล้วลงลายมือชื่อด้วยลายมือของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แล้วใครมาว่าผมไม่เป็นประชาธิปไตย หลายประเทศล้วนแต่มายินดีกับผม การทะเลาะกันเป็นเรื่องภายใน ซึ่งทุกประเทศมีกันทั้งนั้น เลือกตั้งมีปัญหา ทุกประเทศก็มีหมด แต่เราอย่าไปทำไปฟังในสิ่งที่ไม่ใช่ ที่บิดเบือน สื่อโซเชียลต่าง ๆ อย่าไปฟังมากนัก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนเวลาตื่นเช้า แต่งตัวก่อนจะออกนอกบ้านจะก้มดูตัวเองเสมอ หล่อหรือยัง แต่ตนไม่เคยดูกระจกแบบนั้น แต่งตัวเสร็จ ตรงไหนไม่ดี ลูกน้องจะคอยบอก บางครั้งก็เนคไทไม่เรียบร้อย  ตนเป็นแบบนี้ ไม่อยากเสียเวลา จะได้มีเวลาไปคิดอย่างอื่น จึงต้องมีรปภ.ไว้ดูแล ถ้าแต่งกายไม่เรียบร้อย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"