กนง.ยืนดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% แต่หั่นจีดีพีแค่ 2.8% จาก 3.3% พร้อมประเมินส่งออกติดลบ 1% จากเดิม 0% เหตุสงครามการค้า-ค่าเงินบาทแข็งโป๊ก “ชิมช้อปใช้” ยังติดลมบน หวังดึงร้านส้มตำ-ข้าวเหนียวหมูปิ้งเข้าร่วม แต่ร้านขายหวย-วินมอ’ไซค์แห้ว เหตุมอมเมาไม่ตรงเป้าโครงการ
เมื่อวันพุธ นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ กนง. ว่าที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.5% ต่อปี พร้อมทั้งได้ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปีนี้เหลือ 2.8% จากเดิม 3.3% และปรับลดจีดีพีในปี 2563 เหลือ 3.3% จากเดิม 3.7% ซึ่งสาเหตุสำคัญที่เศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัวลงมาจากการส่งออกสินค้าที่หดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ตามเศรษฐกิจคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลง รวมถึงสภาวะการกีดกันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น
“ผลกระทบสงครามการค้าเริ่มส่งผลต่อภาคการส่งออกไทยมากขึ้น ทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัว -1% จากเดิม 0% และในปี 2563 คาดว่าส่งออกจะขยายตัว 1.7% จากเดิม 4.3% ส่วนการนำเข้าในปีนี้คาดว่าจะขยายตัว -3.6% จากเดิม -0.3% และในปี 2563 คาดว่านำเข้าขยายตัว 3.5% จาก 4.8%”
นายทิตนันทิ์ระบุว่า การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ลดลง กนง.ได้รวมปัจจัยเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น มาตรการชิมช้อปใช้ไปแล้ว ซึ่งหากไม่มีการออกมาตรการดังกล่าว จีดีพีก็มีแนวโน้มจะลดลงกว่านี้อีก รวมทั้งได้รวมปัจจัยการจัดทำงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า โดยคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ต้นปีหน้า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากรายได้และการจ้างงานที่ปรับลดลง โดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อส่งออก และแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ในขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนยังมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ด้วยเช่นกัน
นายทิตนันทิ์ยอมรับว่า กนง.ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้นในภาวะที่ความเสี่ยงด้านต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพิจารณาดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพราะตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เงินทุนในหุ้นและพันธบัตรยังไหลออกสุทธิ
“กนง.จะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบของสภาวะการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม โดยเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบกับความสามารถในการแข่งขันและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน” นายทิตนันทิ์กล่าว
วันเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงโครงการชิมช้อปใช้ว่า ประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของทุกวันติดต่อกัน 3 วันจนเต็มโควตาอย่างรวดเร็ว โดยยืนยันว่าได้เปิดให้ร้านค้าเข้ามาร่วมมาตรการหลากหลายเพื่อรองรับการใช้จ่ายเงิน แต่พยายามดูแลร้านค้าไม่ให้มีจำหน่ายสุราหรือลอตเตอรี่ รวมไปถึงสินค้ามอมเมา เพื่อเน้นการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเช่นกันว่า ประชาชนลงทะเบียนหนาแน่นมาก หมดโควตาเร็วขึ้นทุกวัน ซึ่งกระทรวงหวังมากจะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี ทำให้จีดีพีขยับขึ้นได้อีก 0.2% และหากเงินหมุนไปหลายรอบ ยิ่งทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายปลายปี
“ร้านค้าทยอยเข้าร่วมโครงการเพิ่มต่อเนื่อง ร้านใดไม่เข้าโครงการชิมช้อปใช้ถือว่าตกยุค จึงอยากเชิญชวนร้านค้ารายย่อยริมทาง เช่น ส้มตำ ข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเข้ามาร่วมโครงการให้มากขึ้น เพราะสินค้าเหล่านี้ ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่นักท่องเที่ยวซื้ออาหารหรือร้านทั่วไป” นายประสงค์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ ผ่าน w ww.ชิมช้อปใช้.com ในวันที่ 3 พบว่ายอดผู้ลงทะเบียนเต็ม 1 ล้านคน ตั้งแต่เวลา 06.18 น. เร็วขึ้นจากวันแรกที่ลงทะเบียนครบ 1 ล้านคน เวลา 13.44 น. และวันที่ 2 ที่เวลา 08.11 น. โดยคาดว่ายอดผู้เข้าลงทะเบียนจะครบ 10 ล้านคน ก่อนวันที่ 15 พ.ย.2562 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับลงทะเบียน
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำรายชื่อร้านค้าที่เข้ามาตรการชิมช้อปใช้ที่จำหน่ายเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือลอตเตอรี่ ไม่ให้สามารถใช้สิทธิ์ได้ เพราะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ส่วนร้านค้าที่เป็นร้านโชห่วย มีสินค้าขายหลากหลายประเภท เช่น อุปกรณ์สื่อสารนั้น หากมีการไปตัดสิทธิ์ก็อาจจะไม่ยุติธรรมได้
“กระทรวงการคลังได้ทยอยส่งเอสเอ็มเอสเพื่อยืนยันการได้รับสิทธิแก่ผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้แล้ว โดยพบว่ามีคนถูกตัดสิทธิ์หลายหมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหากรอกข้อมูลรายละเอียดส่วนตัวไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับข้อมูลกรมการปกครอง และบางรายก็เลือกจังหวัดท่องเที่ยวตรงกับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งกระทรวงจะนำสิทธิที่ตัดไปเพิ่มให้กับในวันต่อไป” นายลวรณกล่าว
น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า หลังกรมบัญชีกลางได้เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้ ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.-20 ก.ย.2562 มีร้านค้าสมัครเข้าร่วมกว่า 70,000 ร้านค้า แต่ยังมีข้อมูลร้านค้าจำนวนมากที่อยู่ระหว่างบันทึกเข้าสู่ระบบ รวมทั้งมีร้านค้าที่สมัครไม่ทันและต้องการสมัครเข้าร่วมมาตรการเพิ่มเติม กรมบัญชีกลางจึงได้ประสานกับธนาคารกรุงไทยขยายเวลารับลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 15 ต.ค. และคาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมมาตรการไม่น้อยกว่า 80,000 ร้านค้า สำหรับร้านค้าทั่วไปที่สนใจสามารถติดต่อสมัครด้วยตนเองตั้งแต่วันนี้ถึง 15 ต.ค. ที่กรมบัญชีกลาง หรือสำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติมที่ call center กรมบัญชีกลาง 0-2270-6400 กด 7 ในวันและเวลาราชการ
น.ส.สุทธิรัตน์ย้ำว่า การขยายเวลาลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าในครั้งนี้ กรมยังคงตรวจสอบข้อมูลและคัดกรองร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนด โดยร้านลอตเตอรี่และวินมอเตอร์ไซค์ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ ซึ่งกรมได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีร้านค้าลอตเตอรี่ลงทะเบียนจำนวนกว่า 70 ร้าน และได้ยกเลิกร้านค้าลอตเตอรี่ทั้งหมดออกจากระบบการลงทะเบียนแล้ว ซึ่งประชาชนที่ได้สิทธิตามมาตรการจะไม่สามารถใช้วงเงิน 1,000 บาทกับร้านค้าลอตเตอรี่ได้ สำหรับร้านค้าอื่นๆ ที่ได้ลงทะเบียนและปักหมุดในระบบเรียบร้อยแล้ว ขอความร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นการส่งเสริมอบายมุขและควรเป็นสินค้าที่มีความเหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับเจตนารมณ์ของมาตรการ ส่วนประชาชนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิสามารถเข้าไปตรวจสอบและค้นหาตำแหน่งพิกัดของสถานประกอบการร้านค้าได้ทาง App เป๋าตัง และเว็บไซต์ w ww.ktb.co.th
น.ส.วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า การตัดชื่อร้านขายสลากออกจากโครงการชิมช้อปใช้ ในทางเทคนิคไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำได้ทันที แต่ต้องอธิบายให้ผู้ได้สิทธิ์เข้าใจว่าทำไมถึงถูกตัดสิทธิ์ เพื่อไม่ให้เสียความรู้สึก ซึ่งได้ประชุมเจ้าหน้ากรมบัญชีกลางทางวิดีโอทางไกลทั่วประเทศ เพื่อลงไปทำความเข้าใจกับผู้ขายสลากก่อนที่จะตัดชื่อออกจากระบบแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |