กมธ.สารพิษฯ ลงมติเอกฉันท์แบน 3 สารพิษอันตราย แฉผลประโยชน์ซับซ้อนมหาศาล บล็อกหน่วยงานรัฐ-นักวิชาการของกรมวิชาการเกษตร ไม่ให้แสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา "มนัญญา" เดินหน้าเต็มสูบไม่เอาสารพิษนรก!
เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ อาทิ นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย, นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกสารเคมีการเกษตร 3 ตัว ประกอบด้วย พาราควอต, ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอสในทันที
อย่างไรก็ตาม กมธ.วิสามัญฯ ก็ไม่ปิดกั้นรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีมติตั้งคณะทำงาน 1 ชุด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงพิษภัยของสารเคมี ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า กมธ.จะเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 กระทรวงมาพูดคุยกันด้วย
นายชวลิตกล่าวว่า ขณะนี้สารเคมีในประเทศอันตรายถึงขั้นวิกฤติ ซึ่งไม่อาจยื้อไปได้อีก เพราะมันช้าเกินไปแล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกสารทั้ง 3 ตัว นอกจากนี้ ในวันที่ 4 ต.ค. กมธ.จะลงพื้นที่ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อดูและสุ่มตรวจพืชผักผลไม้ของจีนที่นำเข้าประเทศไทย รวมทั้งจะลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อไปพบปะประชาชนที่ประสบภัยสารเคมีว่าทุกข์ร้อนอย่างไรบ้าง
"เราหวังว่าจะไม่หนีเสือปะจระเข้ ที่ยกเลิกสารเคมี 3 ตัวนี้ แล้วไปหาสารเคมีตัวอื่น เพราะความจริงแล้วมีวิธีในการทดแทน เพียงแต่นักวิชาการของกรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกบล็อกไม่ให้แสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นเราจะเชิญนักวิชาการอิสระเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทดแทน เพราะ 53 ประเทศเขาเลิกใช้แล้ว แม้แต่ในลาว กัมพูชา เวียดนาม ก็เลิกใช้แล้ว เราจึงหนักแน่นว่าไทยถึงเวลาต้องเลิกใช้เช่นกัน” นายชวลิตกล่าว
ขณะที่นายดำรงค์กล่าวว่า ปัญหาสารเคมีทั้ง 3 ตัวมีเบื้องหลังอยู่มากเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มีเงินเข้าประเทศอย่างเดียว แต่ไม่คำนึงถึงชีวิตประชาชน ซึ่งเมื่อมีสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นโอกาสดีที่ ส.ส.ร่วมมือกันตั้ง กมธ.ให้เรื่องนี้สำเร็จ ไม่มีอะไรมาต้านทานได้ เพราะรัฐมนตรีทุกคนมาจากประชาชน ต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งในที่ประชุมพูดคุยกันว่าหากลดสารเคมีได้จะเพิ่มพื้นป่าได้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการใช้สารเคมีฉีดทำลายพื้นที่ป่าอย่างง่ายดาย หากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องคนใดไม่สนับสนุนเรื่องดังกล่าว ตนจะขออภิปรายไม่ไว้วางใจ
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความชัดเจนการยกเลิกใช้สารเคมีอันตราย 3 ชนิดในภาคเกษตร ว่าต้องขอเวลา เพราะมีเอกสารอีกหลายตัวต้องตรวจสอบ และยังมีส่วนที่ขัดแย้งกันอยู่ แต่ยืนยันว่ายังห้ามใช้เหมือนเดิม เพราะเราเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงไปแล้วว่าการใช้สารเคมีส่งผลให้มีคนเจ็บและเสียชีวิต ถ้ายืนยังจะใช้อยู่ ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ทั้งนี้ จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วจะแจ้งข้อมูลที่มีความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หารือเรื่องนี้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมาเป็นคนกลางในการแก้ปัญหากับข้าราชการที่ไม่ให้ความร่วมมือแล้วหรือยัง น.ส.มนัญญากล่าวว่า ยังไม่ได้หารือ แต่นายเฉลิมชัยคงรู้เรื่องแล้ว ซึ่งการทำงานของเราได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบแต่ละกรมกันแล้ว ว่าใครจะดูแลอะไร โดยนายเฉลิมชัยให้ตนดูแลในส่วนนี้ เมื่อได้รับมอบหมายแล้วก็ต้องดูแลในส่วนที่รับผิดชอบ
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (ฝั่งสำนักงาน ก.พ.) ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกใช้สารพาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไกลโฟเซต ทันที โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นายวัชระกล่าวว่า ขอให้นายกฯ และ รมช.เกษตรฯ ได้พิจารณายกเลิกการใช้สารพิษดังกล่าว โดยไม่ต้องใช้มติการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ไม่เปิดเผยข้อมูล เนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสาเหตุให้เด็กไทยทุก 1 ใน 2 คน มีโอกาสเกิดมาพร้อมสารปนเปื้อน ซึ่งเรื่องนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีบทบาทและอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ห้ามการใช้เคมีทางการเกษตร โดยที่ไม่เพิกเฉยต่อข้อมูลและข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กร ฯลฯ
“ปัญหาต้นตอทั้งหมดคือการยกเลิกการใช้สารพิษทางการเกษตร ตามบทบาทอำนาจหน้าที่ของ รมว.เกษตรฯ เพียงท่านเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ปัญหาถูกแก้ไขอย่างถูกต้อง เป็นธรรม ไม่เกิดปัญหาต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ต่อแผ่นดินและประเทศชาติ จึงขอให้นายกฯ สั่งการให้ รมว.เกษตรฯ ได้โปรดพิจารณาสั่งการให้มีการยกเลิกการใช้สารพิษทางการเกษตรทันที เพื่อสุขภาพของประชาชนชาวไทย และไม่เกิดการขยายปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายในวันข้างหน้า” นายวัชระระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |