กกต.ลากยาว‘อนค.’กู้‘ธนาธร’


เพิ่มเพื่อน    

 กกต.ยังไม่มีมติปมเงินกู้ อนค. สั่งสำนักงานส่งสำนวนเข้าอนุ กก.วินิจฉัยพิจารณาตามขั้นตอนให้ถูกต้อง รองโฆษก พปชร.ลากไส้ "ธนาธร" ยื้อโอนทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง ฐานหลอกลวงจูงใจให้เข้าใจผิด ด้านเพจอนาคตใหม่ยกเหตุผลเพื่อแสดงความโปร่งใสจึงเปิดเผยที่มางบทำกิจกรรม มิใช่มีนายทุนใหญ่หอบเงินมาแล้วไม่แจ้ง

     เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.ได้มีการพิจารณาสำนวนตรวจสอบกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ถูกร้องว่าให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจการพรรคอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองแล้ว โดยให้สำนักงานนำเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง คือนำไปเข้าคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งก่อนเพื่อพิจารณาพยานหลักฐาน และมีความเห็นก่อนที่จะเสนอ กกต.พิจารณาโดยเร็วอีกครั้ง
     น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธรไม่ได้นำทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์ว่า เรื่องนี้แม้ไม่ได้มีข้อกฎหมายใดบังคับว่าให้นายธนาธรต้องทำตามที่ประกาศเอาไว้ แต่หากจำกันได้ นายธนาธรบอกเองว่าต้องการสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ และเพื่อป้องกันข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของครอบครัว เมื่อนายธนาธรได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.แล้ว ก็ควรปฏิบัติตามที่ประกาศไว้ เพราะเหนือข้อกฎหมายใดก็คือสัญญาประชาคมที่เหมือนเป็นข้อตกลงกับประชาชน เมื่อไม่ได้ทำตามที่ประกาศไว้ อาจทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นวาทกรรมหาเสียงเรียกคะแนนนิยมในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง
    "โดยนายธนาธรประกาศเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2562 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพียงแค่ 6 วัน ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดมาตรา 73 (5) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ที่บัญญัติว่า หลอกลวง ... หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง” ซึ่งจะมีโทษตามมาตรา 159 จําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ซึ่งได้เคยมีผู้ยื่นร้องเรียนต่อ กกต.ไปแล้ว” น.ส.ทิพานันกล่าว
    น.ส.ทิพานันกล่าวต่อว่า เมื่อประกอบกับเรื่องราวในอดีต ทั้งการลงประวัติของตนเองว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 สมัยติดต่อกัน ทั้งที่ความจริงเป็นเพียงประธานสภาอุตสาหกรรม จ.นครนายก หรือการให้สัมภาษณ์ข้อมูลวันโอนหุ้นที่กลับไปกลับมาจนต้องกล่าวว่านักข่าวถามคำถามผิด รวมถึงการให้สัมภาษณ์ยอดเงินกู้พรรคที่ไม่ตรงกันกับบัญชีทรัพย์สินที่แสดงจริง ยิ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยถึงความน่าเชื่อถือในคำพูดของนายธนาธร
    ส่วนกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. ชี้แจงว่าที่นายธนาธรยังไม่ได้โอนทรัพย์สินเข้าบลายด์ทรัสต์ เพราะยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.นั้น รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า เป็นการอ้างแบบศรีธนญชัย ขาดเหตุผลทางความคิดของนักกฎหมาย เพราะถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็จริง แต่สถานะของนายธนาธรยังเป็น ส.ส.อยู่ ดังนั้นจึงทำให้นายธนาธรมีหน้าที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. จนทำให้ประชาชนทราบว่าบลายด์ทรัสต์ของนายธนาธรนั้นไม่มีจริง
    "ถ้านายธนาธรต้องการสร้างมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ และความโปร่งใสจริงๆ ทำไมเมื่อมีการทำหนังสือแจ้งเลื่อนการปฏิบัติตามเอ็มโอยูนายธนาธร ไม่แจ้งให้สังคมทราบเอง แต่กลับให้ประชาชนตรวจสอบและทราบข้อมูลเองจากบัญชีทรัพย์สินว่าบลายด์ทรัสต์ของนายธนาธรนั้นไม่มีจริง ประชาชนจึงเกิดความสงสัยในมาตรฐานจริยธรรมในมาตรฐานของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่" น.ส.ทิพานันระบุ
    ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค อนค. โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊กตอบโต้ น.ส.ทิพานัน ว่า แสดงว่าผู้กล่าวหายังไม่ตกผลึกหลังได้รับสาร เพราะตามที่ น.ส.ทิพานันเข้าใจว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค.62 เป็นการโอนทรัพย์สินของนายธนาธรนั้น ความจริงคือการทำ "เอ็มโอยู" ยังไม่ใช่การโอน เมื่อนายธนาธรถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จึงทำหนังสือเลื่อนการทำตาม MOU ไปก่อน ส่วนกรณีกล่าวหาว่านายธนาธรหลอกลวงประชาชนนั้น คิดว่าเต็มไปด้วยอคติ เพราะคุณธนาธรไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่เองหาก แต่หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากจะถามหามาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองคุณทิพานัน น่าจะถามตัวเองดูว่าในขณะที่พรรคอนาคตใหม่ถูกแจกคดีกว่า 20 คดี กลับกันพรรคพลังประชารัฐทำอะไรก็ไม่ผิด ขอแนะนำให้โฟกัสไปที่พรรคตัวเองเร่งทำงานตามนโยบายที่สัญญาหาเสียงเอาไว้ เพราะประชาชนกำลังทวงถามอยู่ทั้งราคาปาล์ม ราคายางต่างๆ ที่โฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ ดีกว่ามานั่งจับผิดคนอื่นแบบนี้ เสียดายภาษีประชาชน
    วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ - Future Forward Party โพสต์ข้อความเรื่อง ยุบพรรค ยุบพรรค ยุบพรรค!!! ใช่หรือมั่ว ชัวร์หรือไม่? เงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่?  สรุปใจความสั้นๆ คือ 1.เราจำเป็นต้องกู้เพราะรับบริจาค-ระดมทุนไม่ได้ เพราะติดประกาศ คสช. ที่ กกต.ห้ามไม่ให้พรรครับบริจาค-ขายสินค้าระดมทุนในช่วงตั้งพรรคใหม่ๆ ในขณะที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณในการเริ่มต้นสร้างพรรคต่อสาธารณชน ไม่ได้มาจากการขุด การแฉใดๆ ทั้งสิ้น 2.การกู้เงิน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส เราต้องการเปิดเผยที่มาของงบประมาณที่มาทำกิจกรรมอย่างชัดแจ้ง มิใช่มีนายทุนใหญ่หอบเงินมา แล้วไม่แจ้งที่มาที่ไป ตัวเลขที่ออกมาทั้งหมดเป็นการตั้งใจเปิดเผยของพรรคอนาคตใหม่ต่อสาธารณชน 3.ไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน และหากต้องการห้ามการใดจะต้องมีกฎหมายเขียนห้ามไว้ชัด
    4.“เงินกู้” ไม่ใช่ “รายได้” และไม่ใช่การบริจาค แต่เป็น “หนี้สิน” ที่ต้องชำระคืน นี่คือหลักสากล 5.เงินกู้ที่ได้มา นำไปใช้ในการตั้งพรรค ค่าเช่าอาคาร สถานที่ ที่ทำการพรรค สาขาพรรค ศูนย์ประจำจังหวัดทั่วประเทศ เงินเดือนพนักงาน การจัดกิจกรรมรณรงค์หาสมาชิกพรรค ไม่ได้นำมาใช้ในการรณรงค์หาเสียง 6.ต่อให้ กกต. และองค์กรอิสระอื่นใด มีข้อวินิจฉัยว่าพรรคอนาคตใหม่ทำผิดกฎหมายจริง ก็ไม่มีโทษถึงขนาด “ยุบพรรค”
7.อย่าปล่อยให้ผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาสทุกครั้งเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้สังคมว่าพรรคจะโดนยุบแน่นอน
    8.สรุปแล้วสังคมไทยอยากเห็นพรรคการเมืองแบบไหนกันแน่? ระหว่างพรรคที่ทำอะไรโปร่งใส ตรวจสอบได้ เอาทุกอย่างมาแบกะดินทั้งหมด แต่ถูกเล่นงานทางกฎหมายวันต่อวัน หรือพรรคการเมืองที่ใช้เงินมหาศาลในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย-ไม่ถูกจริยธรรม และไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดใดๆ แต่อยู่รอดปลอดภัยเพราะตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย? 
    "เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะทำอย่างหลัง และในประเทศนี้ก็มีอยู่ทั่วไป แต่ถามจริงๆ คุณอยากได้พรรคแบบนั้นจริงๆ หรือ?" พรรคอนาคตใหม่ระบุ. 
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"