“รมว.ศธ.” ไลฟ์ สด เปิดใจการทำงาน ในช่วง 50 วัน


เพิ่มเพื่อน    

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุค Nataphol Teepsuwan - ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ โดยมีจำนวนผู้ที่เผยแพร่ต่อถึง 280 แชร์ และมีผู้เข้ารับชมประมาณ 660 คน

โดยนายณัฏฐพล ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า การที่ตนทำเฟซบุคไลฟ์ ก็เพื่อเป็นช่องทางที่ตนจะได้สื่อสาร และรับทราบข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่สนใจในเรื่องของการศึกษาไทย โดยในช่วง 50 วันทำการในฐานะ รมว.ศธ. ตนได้พบว่าประเทศมีโอกาสที่จะทำการศึกษาให้ดี และเป็นประโยชน์กับผู้ที่จะได้รับประโยชน์ คนที่สำคัญที่สุดคือเด็กและเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของประเทศชาติ สำหรับโอกาสของการศึกษาไทยตนเห็นและมั่นใจ เพราะเรามีผู้ที่เกี่ยวข้อง และให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทำให้การศึกษาดีขึ้นมีอยู่จำนวนมาก มาจากทุกภาคส่วน ซึ่งทำให้ตนมั่นใจว่าหากเราสามารถร่วมมือกันในลักษณะนี้ได้ การยกระดับการศึกษาไทยจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน โดยขณะนี้ตนก็ได้รับข้อมูลมาจากหลายภาคส่วน และหลายช่องทาง พร้อมทั้งได้สรุปปัญหาต่างๆ มาเป็นหัวข้อไว้ และจากที่ตนได้ดูในรายละเอียดก็มีความกังวล เนื่องจากพบว่าหลายเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนโดยตรง แต่เป็นปัญหาที่กระทบทางอ้อม อย่างปัญหาของครู หลักสูตร โครงสร้าง การทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งทุกเรื่องเป็นผลกระทบไปสู่เด็กทั้งสิ้น และหากเราจะให้มีการมาคลี่คลายในแต่ละประเด็น ตนมองว่าอาจจะไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อีกทั้งในส่วนของทฤษฏีด้านการศึกษาก็มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่เราจะต้องนำมาใช้ให้เป็นผลเชิงประจักษ์ สามารถจับต้องได้ มีกำหนดระยะเวลาการเกิดเป้าหมายที่ชัดเจน

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า หากเราต้องการที่จะให้เด็กและเยาวชนมีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ครู คือ คนที่สำคัญที่สุด ซึ่งตนก็ได้รับทราบปัญหาต่างๆ ของครู ทั้งเรื่องวิทยฐานะ หนี้สินครู ครูอัตราจ้าง การโยกย้าย เรื่องเหล่านี้ตนและผู้บริหาร ศธ.รับทราบมาพอสมควรแล้ว ตนมองว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาจัดระบบปัญหาเหล่านี้ให้ลดน้อยลง เพื่อที่ครูจะได้มีเวลาอยู่ในห้องเรียน และถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กของเรา และไม่เสียเวลากับเรื่องอื่นๆ ในการแก้ปัญหาการศึกษาไทยเราอาจจะต้องนำปัญหาทั้งหมดมาวางข้างหน้า ยอมรับให้ได้และช่วยกันแก้ไข สำหรับเรื่องหนี้สินครูขณะนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว โดยขณะเร่งทำเพื่อให้เป็นการผ่อนเบาภาระของครูให้ได้อย่างดีที่สุด รวมถึงครูจะต้องสร้างวินัย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเพราะครูเป็นตัวอย่างของเยาวชนไทย หากครูมีปัญหาและรวมตัวกัน ทำให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่างในอนาคตเด็กก็จะปฏิบัติตาม และเรื่องครูธุรการ ภารโรง และอื่นๆ เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ ศธ.ที่จะต้องจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม และขอแจ้งให้ทราบในกรณีที่ครูยังไม่ได้รับเงินเดือน ตนขอเป็นผู้รับผิด พร้อมทั้งได้กำชับผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.ว่าจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก ซึ่งขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังให้ผลักดันให้เกิดขึ้น และจะไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีกจะต้องมีการจัดสรรงบฯ ในเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่างเรื่องการประเมิน การเข้าสู่ตำแหน่ง ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่เป็นภาระอยู่พอสมควร และคงต้องใช้เวลาในการคิด และหากเราระดมสมองกัน ใช้ความรู้สึกครู ความคล่องตัวในการทำงาน เป็นที่ตั้ง และมาตรฐานของโรงเรียน ครูและเด็กเป็นตัวชี้วัด เราจะสามารถหาทางออกให้เห็นผลเชิงประจักษ์ได้อย่างแน่อนอน

“เรื่องที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง คือ โรงเรียน ซึ่งในปัจจุบันเรามีอยู่จำนวนมากนั้น ผมขอยืนยันว่าโรวเรียนที่เรามีอยู่ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าไรจะต้องเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพ สามารถให้การเรียนการสอนผ่านไปถึงเด็กอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพ โดยผมไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ว่าตัวเลขที่แท้จริงควรจะมีจำนวนเท่าไร เพราะผมไม่ได้ไปดูในสถานที่จริง แต่เป็นหน้าที่ของผู้บริหารการศึกษาในแต่ละจังหวัดที่จะต้องมาร่วมศึกษากัน แต่สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เกาะต่างๆ เราก็ต้องจัดครู อุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอน ให้ได้เต็มที่เพื่อที่การศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องเท่าเทียมกันทั่วประเทศไทย เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ ศธ. ซึ่งผมก็ยอมรับว่าขณะนี้เรายังทำไม่ได้ทั่วประเทศ แต่ก็ต้องทำและผมขอรับเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 1 ปี ดังนั้นขอทึกฝ่ายอย่าวิตกเรื่องการควบรวมโรงเรียนเพราะ ศธ.จะต้องดูถึงความเหมาะสม ประสิทธิภาพ คุณภาพและผลกระทบ และผมหวังว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะนำข้อมูลมาแชร์และร่วมกันแก้ปัญหาอย่างมั่นใจว่าเราคำนึงถึงผลประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้ง”รมว.ศธ.กล่าว

นายณัฏฐพล กล่าวอีกว่า เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ หลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งที่ผ่านมาเราทราบข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่า วิธีการสอนของไทยเน้นเรื่องการท่องจำ เรายอมรับหรือไม่ว่าเราใช้วิธีนี้อยู่พอสมควร แต่ตนมองอย่างไรก็ต้องมีเรื่องที่จะต้องให้เด็กพัฒนาสมองผ่านการจำ และจะต้องมีส่วนที่ต้องปรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย ให้โอกาสเด็กได้คิด ตัดสินใจ มีความมั่นใจ มีทักษะการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และแสดงออกในหลายเรื่อง เพราะจากที่ตนได้พบ คือ เด็กของเราจะไม่สามารถตอบคำถามในส่วนที่ไม่มีได้มีการท่องจำมาได้ดีเท่าที่ควร ไม่มีความมั่นใจในการตอบ ซึ่วเป็นปัญหาที่ ศธ.ต้องมานั่งคิด และขอฝากผู้ผลิตหลักสูตรและครูให้หาแนวทางแก้ไข เพราะหากปล่อยไปเราก็จะไม่เข้มแข็งเท่าประเทศอื่นๆ ตนมั่นใจว่าเด็กไทยมีความสามารถ และหากเขาได้รับความรู้เพิ่มเติม หรือต่อยอดความรู้ได้ เขาจะสามารถเป็นบุคลากรที่มีความเข้มแข็งในโลกที่มีการแข่งขับสูงได้ อีกทั้งครูของเราก็มีศักยภาพเต็มร้อยไม่ต่างจากประเทศอื่น เพียงแต่ต้องมีการปรับเพื่อพัฒนาในแนวทางต่างๆ ซึ่งตนเชื่อว่าสามารถทำได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ศธ.เองก็มีความทับซ้อนในเรื่องการใช้งบประมาณ ดังนั้นเราต้องมาร่วมใช้งบฯ อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทุกบาทคือภาษีของประชาชนและที่สำคัญที่สุด ทุกบาทคือเงอนที่มุ่งเข้าสู่การพัฒนาอนาคตของประเทศชาติ อย่าลืมว่าเยาวชนที่ผ่านการเรียนการสอนมาก็จะมาทำหน้าที่บุคลากรของประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน ถ้าเขามีความเข้มแข็งประเทศเราจะไปได้อีกไกล
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"