เดินทางเข้าประเทศจีนครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2556 หรือประมาณเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และกลัวๆ กล้าๆ ที่จะกลับไปอีก ด้วยข้อจำกัดส่วนตัวเกี่ยวกับห้องสุขา แม้ว่าเพื่อนฝูงจะชักชวนไปดูสิ่งมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่โน่นแบบเรียกได้ว่าทุกปีก็ตาม
แต่ปีนี้ตัดสินใจกลับไปเยี่ยมเยียนจีนอีกครั้ง เพราะ “อาศรมสยาม-จีนวิทยา” ที่มีซีพีออลเป็นสปอนเซอร์สำคัญ ออกปากชักชวน ซึ่งทำให้มั่นใจว่า นอกจากจะได้เยือนถิ่นมาตุภูมิของบรรพบุรุษแต่เก่าก่อนแล้ว จะได้ความรู้ทั้งด้านประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองอย่างลึกซึ้งถึงแก่นจากการเดินทางฝ่าด่านเส้าหลิน บุกถิ่นอันซีนปักกิ่งอย่างแน่นอน
เรียกว่าเวลาเหลือน้อยลงเมื่ออายุก็มากขึ้น การไปไหนมาไหนแล้วได้ประโยชน์หลายเด้ง จะปล่อยให้ปัญหาส่วนตัวเรื่องสุขาที่สุขีอยู่หนใด มาเป็นอุปสรรคได้อย่างไร?!? จริงไหม
กลับไปสัมผัสจีนในครั้งนี้ต้องยอมรับว่า 6 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเปลี่ยนไป!!! แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็รู้จักทักทาย ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เหมือนความทรงจำดั้งเดิมย้อนหลังไปที่ ตม.ทำหน้าราวกับว่าเราจะไปปล้นบ้านเขา หรือไม่ก็สร้างความเดือดร้อนให้เขา
เหนืออื่นใด!!...ประเด็นที่แสนติดตาตรึงใจจนกลายเป็นฝันร้ายมาช้านาน ก็ “ห้องสุขา” นี่แหละ ปรากฏว่าดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ผิดกลิ่น
แม้อาจจะเป็นส้วมนั่งยองๆ เป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม แต่หน้าตาความสะอาดสะอ้านแบบแตกต่างชัดเจน ทำให้การกลับไปจีนครั้งนี้แฮปปี้อย่างไม่คาดคิดค่ะ โดยเฉพาะเขตเมืองที่มีการสร้างขึ้นใหม่ หรือมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวนั้น บางแห่งสามารถให้ไปเลย 3 ดาว จากที่เคยติดลบไม่สามารถให้ดาวได้เลยมาก่อน
ภาพที่เคยเห็นพ่อแม่จับลูกฉี่ข้างประตูทางเข้ารถไฟความเร็วสูงในเดือนแรกของการเปิดเส้นทางปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ที่เคยติดตาและรู้สึกสะท้อนใจ มลายหายไปสิ้น สมกับการที่ผู้นำของเขาประกาศว่า ประเทศจีนมีวัฒนธรรมที่เก่าแก่มาช้านาน จะต้องเป็นมหาอำนาจที่ทั่วโลกยอมรับ และจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกดูแคลนหมิ่นศักดิ์ศรีว่าเป็นประเทศไร้อารยธรรมอีกต่อไป
ไกด์คนไทยที่อาศัยอยู่ที่ปักกิ่งนานกว่า 20 ปี เล่าว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่า อีก 3 ปีจะไม่มีคนจนในจีนอีกต่อไป แต่สำหรับเรื่องมารยาททางสังคมของชนชาวจีนนั้น ขอเวลาอีก 30 ปี รับรองว่าจะไม่น้อยหน้าญี่ปุ่นแน่นอน
คนจน 400 ล้านคน ผู้นำจีนขอเวลาแค่ 3 ปีเพื่อแก้ปัญหา แต่เรื่องกิริยานิสัยทางสังคมที่ไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกนั้น จำเป็นต้องขอเวลานานหน่อย เพราะเขายอมรับความจริงว่าไม้แก่ดัดยาก ในขณะที่เขาใช้เวลาหล่อหลอมเยาวชนคนรุ่นใหม่มาช้านาน และคนกลุ่มนี้ก็จะเป็นพลเมืองกลุ่มใหญ่ในอนาคตข้างหน้านั่นเอง
หลังจากนี้คงจะได้ไปเที่ยวจีนอีกบ่อยๆ แน่นอน เพราะถ้าช้ากว่านี้ สังขารไม่เอื้ออำนวย สถานที่น่าอัศจรรย์อายุนับพันๆ ปีของชนชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างจีน ล้วนแต่ต้องใช้กำลังในการฝ่าเข้าไปให้เห็นกับตานะจ๊ะ ดังนั้น ใครที่ยังลังเล ก็ตัดสินใจได้เลยค่ะ เพราะอีก 2 ปีถึงมีกำลังวังชา อาจจะตามไม่ทัน เพราะทุกอย่างมันล้ำจนพ่อค้าอาหารข้างทางจะหงุดหงิดถ้าเราใช้เงินสดจ่ายเขานะเออ.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |