การมองปัญหาระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า


เพิ่มเพื่อน    

 อืมม์ม์ม์...ดูๆ ชักจะเริ่มๆ มีการหันมาเน้นถึง ปัญหา ในเรื่อง รัฐธรรมนูญ กันอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการพอสมควร ซึ่งมันจะเป็น ปัญหา หรือ ตัณหา ใดๆ ก็แล้วแต่ แต่ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่ไม่น้อยก็คือว่า มันจะสามารถหยิบมาใช้เป็น เงื่อนไข หรือ ข้ออ้าง ในการ ลุกฮือ การระดมมือ ระดมตีน ออกมาเล่นงานรัฐบาล ระบบ และระบอบ ได้มาก-น้อยขนาดไหน???

                                                          ----------------------------------------------

                คือถ้าย้อนกลับไปซักเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว...การหยิบเอาสิ่งที่เรียกว่า รัฐธรรมนูญ มาใช้เป็นเงื่อนไข-ข้ออ้างใดๆ ก็ตาม มันอาจจะพอ เวิร์กๆ อยู่มั่ง คือยังพอดูเก๋ ดูเท่ หรือดูดี อยู่พอประมาณ แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญนั้น บรรดาชาวบ้าน ชาวช่องท่านคงไม่ได้ถึงกับรู้เรื่อง รู้ราว หรือคิดหยิบเอามาเป็น สาระ ของชีวิต มากมายซักเท่าไหร่ ถึงกับบางรายเคยสรุปรวมความว่าสิ่งที่เรียกว่า รัฐธรรมนูญ นั้น คือนามกรของลูกชาย พระยาพหลพลพยุหเสนา ไปโน่น...

                                                            ---------------------------------------------

                แต่ภายใต้ เหตุปัจจัย ที่อดีตผู้นำเผด็จการอย่าง จอมพลถนอม กิตติขจร ท่านอาจประเมินผิด ประเมินพลาด อยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ว่าในแง่ กาล-สถานที่-และโอกาส การหยิบเอาสิ่งที่เรียกว่า รัฐธรรมนูญ มาใช้เป็น เงื่อนไข-ข้ออ้าง ในการลุกฮือ มันจึงก่อให้เกิด เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ในปีพุทธศักราช 2516 ขึ้นมาจนได้ แต่หลังจากนั้น...ไม่ว่าจะมีรัฐธรรมนูญกันต่อมาอีกซักกี่ต่อกี่ฉบับ ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ก็ยังหนีไม่พ้นต้องวนไป-วนมา อยู่กับความ ชุ่ย-เพียบพูนด้วยเล่ห์-และแสนทราม อย่างที่อภิมหานักเขียน และ โหร ตัวจริง-เสียงจริง อย่างคุณน้า ยอดธง ทับทิวไม้ ผู้วายชนม์ไปนานแล้ว ท่านเคยตั้งเอาไว้เป็น ม็อตโต มาโดยตลอดนั่นแล...

                                                                -------------------------------------------

                การคิดจะหยิบเอาสิ่งที่เรียกว่า รัฐธรรมนูญ มาใช้เป็นเงื่อนไข-ข้ออ้าง ของการขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว การระดมมือ ระดมตีนใดๆ ก็แล้วแต่ ในยุคที่เทคโนโลยี AI มันกำลังไปถึงไหนต่อถึงไหนกันไปแล้วก็ไม่รู้ มันเลยดูจะออกไปทาง เชยซ์ซ์ซ์ๆ ยังไงก็มิอาจสรุปได้ ยิ่งถ้าหากผู้ที่คิดจะขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ในเรื่องนี้ ดันคิดว่าตัวเองเป็น คนรุ่นใหม่ ซะอีกต่างหาก อันนี้...มันเลยหนักไปทางย้อนยุค เจาะเวลาหาอดีต ชนิดอาจต้องจอด ไทม์แมชชีน เอาไว้แถวๆ หลังเขา โน่นเลย...

                                                                 ------------------------------------------

                คือภายใต้สภาพสังคมในยุคนี้ สมัยนี้ โดยจะรวมการเมืองและเศรษฐกิจ เข้าไปด้วยก็ได้ มันน่าจะมีอะไรที่สำคัญพอที่จะนำมาใช้เป็น เงื่อนไข-ข้ออ้าง ได้มากซะยิ่งกว่าเรื่อง รัฐธรรมนูญ ไม่รู้จะกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ไม่ว่าเรื่องธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อม มนุษย์กับเครื่องจักร ปัญญา-คุณธรรมของมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ ศีลธรรมกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ฯลฯ อันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แปลกแยก ทั้งซึมลึกและแผ่กว้างไปในทั่วทุกสังคม แถมกำลังกลายเป็นตัวสลักเสลาระบบการเมืองและเศรษฐกิจ ให้ก่อรูป ก่อร่าง ขึ้นมาเป็น ปฏิมากรรมแบบใหม่ เอาเลยก็ว่าได้...

                                                                   -------------------------------------------

                แต่อย่างว่า...บรรดาผู้ที่เรียกตัวเอง หรือผู้ที่ถูกเรียกว่า คนรุ่นใหม่ จำนวนไม่น้อย ออกจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยฉลาด หรือไม่ถึงกับเก่งมากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะ ฐาน ไม่ค่อยจะแน่น ไม่ว่ารู้อะไร เข้าใจอะไร ก็มักรู้ มักเข้าใจ แบบหนักไปทาง แยกส่วน ซะเป็นหลัก ด้วยเหตุเพราะล้วนแล้วแต่เป็น ผลพวง ของระบบและระบอบ ที่ครอบคลุมและขับเคลื่อนโลกทั้งโลกมาโดยตลอด ขาดการเชื่อมโยงและบูรณาการ ขาดความลึกซึ้งถึงความต่อเนื่องแห่งกระบวนการความเป็นไปของอดีต-ปัจจุบัน-และอนาคตที่มีความเกี่ยวโยง ผูกพัน กันชนิดแยกออกจากกันมิได้โดยเด็ดขาด...

                                                                     --------------------------------------------

                เอาง่ายๆ...แค่ดูจาก คนรุ่นใหม่ฮ่องกง หรือพวก กะปอมฮ่องกง ก็น่าจะพอเห็นหน้า เห็นหลัง อยู่พอสมควรแล้ว คือแทบไม่ได้รู้เรื่อง รู้ราว อะไรกะใครเค้าเลย ออกอาการ สามัคคีทุกฝ่ายทำลายตัวเอง หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะ ลุกฮือ กันในรูปไหนแบบไหน ไม่ว่าจะลงมือ ลงตีน แบบแดง-ไม่แดงขอให้แรงเข้าไว้ สุดท้าย...แนวโน้มที่จะต้อง เสร็จคนแก่ หรือ คนรุ่นเก่า อย่างคุณน้า สี จิ้นผิง ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ ย่อมเห็นๆ กันอยู่ ชนิด ร้อยบาทเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว ก็ยังไม่มีใครกล้ารอง ไม่ว่าจะโดยอาศัย อำนาจอย่างแข็ง หรือ อำนาจอย่างอ่อน เข้าจัดการกับปัญหาดังกล่าว ก็ตามที...

                                                                ---------------------------------------------------------

                คือคงต้องยอมรับนั่นแหละว่า...แม้จะเป็นคนแก่ หรือคนรุ่นเก่า แต่ผู้นำจีนรายนี้ท่านไปไกล และไปโลดเอามากๆ ในแง่ของ วิสัยทัศน์ ในการมองโลก มองสังคมจีน หรือแม้แต่มองระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนมองไปยัง ระเบียบโลกแบบใหม่ ซึ่งกำลังใกล้จะปรากฏอยู่เบื้องหน้าในอีกไม่นาน-ไม่ช้า โดยไม่จำเป็นต้องไปถามหารัฐธรรมนูญ ไม่ว่าแบบไหนๆ เอาเลยก็ยังได้ ดังนั้น...ระหว่างความก้าวหน้า ก้าวไกล ทันสมัย ทันเหตุการณ์ ของ คนแก่ หรือ คนรุ่นเก่า กับความเชยซ์ซ์ซ์ ความแคบ ความไม่รู้เรื่อง รู้ราว ของ คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสังคมใดๆ ก็แล้วแต่ ที่อาจหนีไม่พ้นต้องปะทะ ขัดแย้ง เกิดการ ลุกฮือ กันไปตามสภาพ เพียงแต่ว่า...สุดท้ายแล้ว ใครเสร็จใคร??? อันนั้น...คงต้องลองไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน...

                                                                  ----------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Muhammad Ali...The man who views the world at 50 the same as he did at 20 has wasted 30 years of his life. - คนที่เมื่ออายุ 50 ยังมองโลกเหมือนตอนที่อายุ 20 เท่ากับเป็นคนที่เสียเวลาไปเปล่าๆ ถึง 30 ปี...

                                                                    ----------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"