จ.ประจวบคีรีขันธ์/ ไมตรี อินทุสุต ประธานบอร์ด พอช. และผู้ว่าฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์เยี่ยมชุมชนประมงพื้นบ้านนำร่องแผนพัฒนาภาคประชาชนในพื้นที่ ‘อ่าว ก ไก่’ 4 จังหวัด ประจวบฯ-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม-สมุทรสาคร ใช้ยุทธศาสตร์ 6 ด้านสร้างความมั่นคงในที่ดินทำกิน-ที่อยู่อาศัย อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ท่องเที่ยว พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน ฯลฯ เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและหลุดพ้นความยากจน ก่อนขยายผลไปยังพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั่วประเทศ
ตามที่ขบวนองค์กรชุมชน 4 จังหวัดในพื้นที่ภูมินิเวศ ‘อ่าว ก ไก่’ (อ่าวไทยตอนบนที่มีลักษณะ 4 เหลี่ยมคล้ายพยัญชนะ ‘ก ไก่’) คือ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ได้ร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาภาคประชาชนระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2562-2565) เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินที่ไม่มั่นคงเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งเสื่อมโทรม ตลอดจนปัญหาด้านเศรษฐกิจ รายได้ ฯลฯ
ขณะเดียวกันหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันให้การสนับสนุน เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและการพัฒนาด้านต่างๆ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่อนผันให้ประชาชนอยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน (อยู่อาศัยก่อนปี 2557) ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น
ชุมชนนำร่องอ่าว ก.ไก่ แก้ปัญหาที่อยู่อาศัย-อนุรักษ์ทรัพยากร
ล่าสุดระหว่างวันที่ 22-23 กันยายน นายไมตรี อินทุสุต ประธานคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามแผนพัฒนาภาคประชาชนที่ชุมชนบ้านปากคลองหมู่ที่ 5 ตำบลแม่รำพึง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเยี่ยมชมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยของชุมชน การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การจัดตั้งธนาคารปูม้าเพื่อขยายพันธุ์ ฯลฯ
นายไมตรีเยี่ยมชุมชนบ้านปากคลอง
ทั้งนี้ชุมชนบ้านปากคลองมี 4 หมู่บ้าน รวม 247 ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยในที่ดินป่าชายเลนตามโครงการบ้านมั่นคงชนบทของ พอช. โดย พอช.สนับสนุนการซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเรือนที่ทรุดโทรมจำนวน 11.9 ล้านบาทเศษ ดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 ขณะนี้ซ่อมแซมบ้านไปแล้วประมาณ 70 % จากจำนวนครัวเรือนทั้งหมด
ขณะเดียวกันชุมชนได้ร่วมกันเพาะพันธุ์และขยายสัตว์น้ำ เช่น จัดทำธนาคารปูเพื่อขยายพันธุ์ปูทะเลมาตั้งแต่ปี 2551 สามารถนำแม่พันธุ์ปูมาเพาะพันธุ์ได้ประมาณปีละ 1,500-1,700 ตัว นอกจากนี้ยังทำ ‘ซั้ง’ ในทะเลเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน ทำให้มีสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น ชาวประมงพื้นบ้านสามารถจับปูได้มากขึ้น จากเดิมวันละ 3-4 กิโลกรัม เพิ่มเป็น 7-8 กิโลกรัมต่อวัน
ในวันที่ 23 กันยายน นายไมตรี อินทุสุต พร้อมด้วยนายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้แทนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) และนายอำเภอบางสะพานน้อย ได้เดินทางที่ชุมชนบ้านหนองเสม็ดซิตี้ ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย ซึ่งเป็นชุมชนชายฝั่งทะเลที่กำลังดำเนินโครงการบ้านมั่นคงชนบท ขณะเดียวกันชาวชุมชนได้ร่วมกันจัดตั้งธนาคารปูเพื่อเพาะพันธุ์ปูทะเล และปล่อยพันธุ์ปูลงสู่ทะเลปีละหลายล้านตัว เช่น ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา ปล่อยปูประมาณ 3 ล้านตัวคืนสู่ทะเล
ทั้งนี้นายไมตรีได้มอบงบประมาณสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงชุมชนหนองเสม็ดซิตี้ จำนวน 29 ครัวเรือน งบประมาณรวม 1,443,627 บาทให้แก่ผู้แทนชุมชน และได้เยี่ยมชมธนาคารปูม้า การแปรรูปอาหารทะเล รวมทั้งร่วมกิจกรรมการซ่อมแซมบ้านตามโครงการบ้านมั่นคง โดยมีเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 4 จังหวัด และชาวชุมชนเข้าร่วมงานประมาณ 120 คน
นายพัลลภ ผวจ.ประจวบฯ และนายไมตรีร่วมกันเทปูนซ่อมบ้านให้ชาวหนองเสม็ดฯ
ผู้ว่าฯ ประจวบหนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย
นายไมตรี อินทุสุต ประธานคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า พอช.ทำงาน 4 เรื่องใหญ่ คือ 1.การสนับสนุนขบวนองค์กรชุมชน เช่น สภาองค์กรชุมชนตำบลให้ทำงานพัฒนาภาคประชาชน มีการสร้างเครือข่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดพลังในการพัฒนา 2.กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล เพื่อนำเงินกองทุนมาช่วยเหลือสมาชิกในตำบล ตั้งแต่เรื่องเกิด เจ็บป่วย ทุนการศึกษา การพัฒนาเด็กและเยาวชน ครอบครัว ดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยยามภัยพิบัติ เสียชีวิต ฯลฯ ขณะนี้มีการจัดคตั้งกองทุนแล้วทั่วประเทศประมาณ 6,000 กองทุน มีเงินรวมกันประมาณ 15,600 ล้านบาท
3.สนับสนุนการแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย เช่น ‘โครงการบ้านมั่นคงชนบท’ เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ‘บ้านพอเพียงชนบท’ เพื่อสนับสนุนการซ่อมแซมบ้านเรือนครัวเรือนยากจนที่มีสภาพทรุดโทรม ไม่ปลอดภัย ให้มีความมั่นคงแข็งแรง ขณะนี้ซ่อมแซมบ้านเรือนยากจนทั่วประเทศไปแล้วประมาณ 41,000 หลัง และปี 2563 จะดำเนินการอีกประมาณ 14,000 หลัง และ 4.สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและทุนชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีเศรษฐกิจเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตัวเองได้
“แต่ทั้งหมดนี้ พอช.ไม่ได้ทำงานเอง พอช.มีบทบาทในการสนับสนุนการทำงานของขบวนพี่น้องประชาชน โดยพี่น้องต้องไปขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง โดย พอช.และหน่วยงานต่างๆ จะร่วมกันสนับสนุน ช่วยกระตุ้นการทำงานของพี่น้อง เช่นเดียวกับแผนการพัฒนาภาคประชาชนในพื้นที่อ่าว ก.ไก่ ที่พี่น้องลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหา เริ่มจากเรื่องที่อยู่อาศัย และขยายผลไปยังสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม การดูแลรักษาป่าชายเลน และเรื่องอื่นๆ ต่อไป” นายไมตรีกล่าว
ขณะเดียวกันผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน 4 จังหวัดในพื้นที่ภูมินิเวศอ่าว ก ไก่ คือ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ได้ยื่นหนังสือเสนอแผนพัฒนาภาคประชาชนระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2562-2565) ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ด้วย
ผู้แทนภาคประชาชนมอบแผนพัฒนาอ่าว ก ไก่ ให้แก่ ผวจ.ประจวบฯ
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จังหวัดประจวบฯ มีทรัพยากรที่สำคัญ ทั้งทะเลและภูเขาที่สวยงาม มีวิสัยทัศน์ 4 ด้าน คือ 1.เมืองท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่า 2.เป็นเมืองหลวงของสับปะรด มะพร้าว ประมง เป็นเมืองเกษตรปลอดภัย ได้มาตรฐาน 3.มีด่านสิงขรเป็นด่านชายแดนเชื่อมอ่าวไทยกับฝั่งทะเลอันดามัน เป็นระเบียงเศรษฐกิจในอนาคต และ 4.สังคมผาสุก มีการดูแลสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
“ดังนั้นการทำงานของ พอช.ที่สนับสนุนเรื่องการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนให้เกิดความมั่นคง การร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม รักษาป่าชายเลน จึงสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายของจังหวัดประจวบฯ ในการสร้างสังคมผาสุก ซึ่งทางจังหวัดพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกวิถีทาง” ผวจ.ประจวบฯ กล่าว
ทั้งนี้จังหวัดประจวบฯ มีพื้นที่ที่ พอช. ดำเนินโครงการบ้านมั่นคงในพื้นที่ป่าชายเลนและพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งหมด 17 โครงการ ดำเนินการเสร็จแล้ว 9 โครงการ อยู่ระหว่างการดำเนินการ 8 โครงการ ใช้งบประมาณ รวม 76 ล้านบาทเศษ มีผู้ได้รับประโยชน์รวม 1,198 ครัวเรือน
เดินหน้าเคลื่อนแผนพัฒนาภาคประชาชนอ่าว ก ไก่
นายพงษ์ศักดิ์ คำทรัพย์ คณะทำงานพัฒนาที่อยู่อาศัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงแผนพัฒนาภาคประชาชนฯ ว่า เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภูมินิเวศอ่าว ก ไก่ ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงพื้นบ้าน มีปัญหาความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย เพราะส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน ได้รับผลกระทบจากการทำประมงพาณิชย์ การจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเล อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทะเลและชายฝั่งถูกทำลาย ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในอ่าว ก.ไก่ ที่เคยเป็นแหล่งอาหารสำคัญของประเทศลดน้อยลง เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวประมงพื้นบ้าน รวมทั้งเกิดผลกระทบโดยรวมต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
“ดังนั้นพวกเราในนามของผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนทั้ง 4 จังหวัด จึงได้รวบรวมข้อมูลและปัญหาต่างๆ นำมาจัดทำเป็นแผนพัฒนาภาคประชาชน เพื่อเป็นทิศทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา โดยมียุทธศาสตร์ 6 ด้าน คือ 1.การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของชาวประมงพื้นบ้าน 2.การฟื้นฟู อนุรักษ์ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วม
3.ยกระดับการแปรรูปสินค้าและการตลาดของชาวประมงพื้นบ้าน 4.ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนประมงพื้นบ้าน 5.ฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน และ 6.การปรับตัวเพื่อบรรเทาปัญหาของชาวประมงพื้นบ้านจากภาวะโลกร้อน โดยมีเป้าหมายคือการจัดการพื้นที่ชายฝั่งอ่าวทะเล ก ไก่ อย่างยั่งยืน เพื่อชาวประมงพื้นบ้านจะได้มีที่อยู่อาศัยและทำกินมั่นคง และหลุดพ้นจากปัญหาความยากจน” ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนกล่าว
ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนฯ ยกตัวอย่างการฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมตามยุทธศาสตร์ที่ 2 ว่า จะมีการจัดตั้งคณะทำงานและสร้างภาคีเครือข่ายขึ้นมา เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรต่างๆ เช่น การจัดการขยะและน้ำเสียไม่ให้ไหลทิ้งลงทะเล โดยร่วมมือกับโรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ เช่น จัดตั้งธนาคารปู ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในอ่าว ก ไก่ ฯลฯ
ธนาคารปูที่ชุมชนบ้านปากคลอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบฯ
ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นเครื่องมือพัฒนาทุกมิติ
ส่วนการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลน 4 จังหวัด ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของแผนดังกล่าว มีเป้าหมาย คือ จังหวัดสมุทรสาคร รวม 616 ครัวเรือน จังหวัดสมุทรสงคราม รวม 76 ครัวเรือน จังหวัดเพชรบุรี รวม 89 ครัวเรือน และประจวบคีรีขันธ์ รวม 502 ครัวเรือน รวมทั้งหมด 1,283 ครัวเรือน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
โดยในกรณีที่ดินป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่อนผันให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในป่าชายเลนก่อนปี 2557 อยู่อาศัยได้ แต่ไม่อนุญาตที่ดินทำกิน (ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศในปี 2557) โดยมีคณะกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) มีผู้แทนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องที่และท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ฯลฯ ร่วมเป็นคณะทำงาน มีหน้าที่สำรวจข้อมูล แปลงที่ดิน จำนวนครัวเรือน ตรวจสอบ การบริหารจัดการ และเสนออนุมัติ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ลงนามการอนุญาตให้ใช้ที่ดินป่าชายเลนเพื่อการอยู่อาศัย
นายปฏิภาณ จุมผา ผู้อำนวยการสำนักงานภาคกลางและตะวันตก สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช.’กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยในป่าชายเลนตามแผนพัฒนาภาคประชาชน 4 จังหวัดนั้น พอช.ให้การสนับสนุนชุมชนต่างๆ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาตามโครงการบ้านมั่นคงชนบท ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการสำรวจข้อมูล แปลงที่ดิน จำนวนครัวเรือนที่เดือดร้อน และตรวจสอบสิทธิ์ผู้ที่เดือดร้อน ก่อนเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยอย่างถูกต้อง
ขณะที่บางชุมชนอยู่ในระหว่างการดำเนินโครงการ เช่น ชุมชนบ้านปากคลอง และชุมชนหนองเสม็ดซิตี้ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดย พอช.สนับสนุนงบประมาณซ่อมแซมตามโครงการบ้านมั่นคงชนบท เนื่องจากบ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกสร้างมานาน มีสภาพทรุดโทรมเพราะถูกน้ำทะเลกัดเซาะ เพื่อให้บ้านเรือนมีความมั่นคง แข็งแรง ผู้อยู่อาศัยมีความปลอดภัย และนำไปสู่การพัฒนาด้านต่างๆ ต่อไป
“แนวทางการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อการอยู่ร่วมกันของ ‘คน ป่า และทะเล’ นั้น พอช.ใช้เรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นเครื่องมือในการพัฒนา เพราะนอกจากจะทำให้ชาวบ้านมีที่อยู่อาศัยและที่ดินที่มั่นคงแล้ว ยังจะนำไปสู่การพัฒนาด้านต่างๆ เช่น การสร้างเครือข่ายประมงพื้นบ้านขึ้นมา เพื่อร่วมกันฟื้นฟู ดูแล อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พัฒนาอาชีพประมงพื้นบ้าน ต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน โดยความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคีเครือข่ายในท้องถิ่นต่างๆ รวมทั้งการบูรณาการแผนงานและงบประมาณเข้าด้วยกัน นอกจากนี้จะนำไปสู่การผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายด้วย โดยใช้พื้นที่อ่าว ก ไก่ เป็นต้นแบบ ขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป” นายปฏิภาณกล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |