ชี้ชะตาแกนนำ 5 นปช.อีกระลอก ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีบุกบ้าน “ป๋าเปรม” เมื่อปี 2550 ศาลอุทธรณ์ลงดาบไว้จำคุก 2 ปี 8 เดือน “จตุพร” ไม่กล้าวิเคราะห์ แต่ให้ยอมรับกระบวนยุติธรรม พ้อชีวิตต้องรับกรรม
ในวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. เวลา 09.00 น. ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.3531/2552 ที่ห้อง 701 ศาลอาญา โดยเป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายนพรุจ หรือนพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน, นายวันชัย นาพุทธา, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ, ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังขู่เข็ญ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเลิกไป แล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, 215, 216, 297, 298 ประกอบ มาตรา 33, 83, 91 หรือคดีชุมนุมล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2558 ให้จำคุกนายนพรุจเป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ส่วนนายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง และ นพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี 4 เดือน และให้ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ กับนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 ต่อมาวันที่ 9 ม.ค.2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 4-7 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ให้จำคุกคนละ 1 ปี และมีความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าสั่งการ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ให้จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกคนละ 4 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 2 ปี 8 เดือน ส่วนนายนพรุจ คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ซึ่งจำเลยทั้ง 5 คนได้ยื่นฎีกาสู้คดี
โดยเดิมศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. แต่มีจำเลยหลายคนไม่มาศาล และบางรายยื่นขอเลื่อนฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลได้เลื่อนอ่านมาเป็นวันจันทร์ที่ 23 ก.ย.นี้
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขอไม่พูดถึง เนื่องจากไม่ต้องการก้าวล่วงศาล แต่จะทำหน้าที่ให้กำลังใจ และคิดหนทางทุกอย่าง เมื่อสิ้นกระแสความแล้ว เราก็ควรรู้ว่าเราต้องทำอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่จะทำได้ในฐานะมิตรร่วมชะตากรรมนั้น คือการให้กำลังใจ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ขอเชิญชวนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย ให้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจมิตรสหายที่อยู่ในเรือนจำพิเศษพัทยา
นายจตุพรยังกล่าวถึงคดีต่างๆ ของตัวเองว่า ชะตากรรมเหล่านี้เป็นเรื่องความยากลำบาก เรามีหน้าที่ยอมรับชะตากรรม แต่บางเรื่องมันหมดหนทาง ที่ผ่านมาไม่เคยยอมถอยหนี แต่บางช่วงของชีวิตก็เข้าใจ การเอาชีวิตสังเวยขณะกำลังต่อสู้เรื่องการรักษาทุ่งใหญ่นเรศวรของนายสืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ก็เคยคิดเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าเรามีสัมภาระ มีชีวิตที่จะต้องรับผิดชอบจำนวนมาก เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะสู้กันอย่างไร ติดคุกก็ติดมาแล้ว ทุกอย่างสารพัดที่จะโดน น้อมรับชะตากรรมทุกอย่าง ก็ยังจะต้องมาโดนอย่างนี้กันอีก แต่ทั้งหมดเรา ก็ยังต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมนี้อยู่ เพียงแต่เราปรับทุกข์ให้ฟัง เพราะว่าเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาของประเทศไทย ที่บอกว่ามันหมดหนทาง หมดที่พึ่งแล้ว เหลือสิ่งเดียวที่ยังพึ่งได้คือพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |