จากไพร่หมื่นล้าน กลายมาเป็นไพร่ ๕ พันล้าน     
    เป็นธรรมดาของคนมีเงิน เมื่อตัดสินใจเล่นการเมืองแล้ว การผ่องถ่ายทรัพย์สินจะตามมา 
    บางคนให้เหตุผลว่าวางมือทางธุรกิจ หันมาเล่นการเมืองอย่างเดียว แต่ก็มีหลายคนต้องการปกปิดขุมทรัพย์ที่แท้จริงของตนเองจากสาธารณชน 
    "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เป็นแบบไหน เจ้าตัวรู้ดี!
    บัญชีทรัพย์สิน "ธนาธร" ในส่วนของ การปล่อยให้พรรคอนาคตใหม่กู้ คือปมปัญหาที่กลับมาพันคอเจ้าตัวอีกครั้ง
    หนังสือสัญญากู้เงินที่พรรคอนาคตใหม่ทำการกู้ยืมจาก "ธนาธร" มี ๒ สัญญา 
    สัญญาแรกลงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒ จำนวนเงิน ๑๖๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ  ๗.๕ ต่อปี    
    อีกฉบับคือสัญญากู้เงินที่ทำสัญญา ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒ จำนวน ๓๐ ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อปี 
    รวม ๑๙๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท 
    ปัญหาแรกคือ
    วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ "ธนาธร" ไปพูดที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ให้นักข่าวฝรั่งฟังว่า เป็นเจ้าหนี้พรรคอนาคตใหม่ ๑๑๐ ล้านบาท 
    ก็เป็นไปได้ว่ายังกู้ไม่ครบตามจำนวน
    แต่...การเลือกตั้งเกิดขึ้นวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒ 
    "ธนาธร" พูดหลังเลือกตั้งเกือบ ๒ เดือน
    ที่กู้เพิ่ม ๘๑ ล้าน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกู้ก่อนเลือกตั้ง 
    ๘๑ ล้านบาทนี้จึงเป็นตัวเลขสำคัญ น่าจะบ่งบอกอะไรได้บางอย่าง
    ปัญหาถัดมา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ ไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองกู้เงินมาใช้ในการเลือกตั้งเหมือน พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี ๒๕๕๐ 
    ฉะนั้นที่ "ธนาธร" พยายามบอกว่า เงินกู้ไม่ใช่รายได้ของพรรค เป็นเพียงเรื่องปลายเหตุ แต่ต้นเหตุคือ พรรคการเมืองจะกู้เงินเพื่อเลือกตั้งไม่ได้ 
    กฎหมายมีเจตนารมณ์ สาเหตุที่กฎหมายห้ามไม่ให้กู้ก็เพราะ ป้องกันการพัวพันเรื่องผลประโยชน์ที่จะตามมาทีหลัง 
    พรรคการเมืองต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งภายใน ๙๐ วันกับ กกต. นับจากวันเลือกตั้ง ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ หลัง "ธนาธร" ไปพูดที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เดือนกว่า
    ฉะนั้น ณ วันนี้ กกต.รู้ดีที่สุดว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบหรือไม่.