22 ก.ย. 2562 ที่ชั้น5 ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่ แอนด์ไลบรารี่ จัดกิจกรรมต่อลมหายใจ พีซทีวี มีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)มาพบปะพูดคุย ร้องเพลงกับแนวร่วมคนเสื้อแดงอย่าง นสนุกสนานกันเป็นประจำทุกสัปดาห์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองตอนหนึ่งว่า เรื่องน้ำท่วม ความจน รัฐธรรมนูญและอิสรภาพ ในสามเรื่องแรก เป็นเรื่องของพี่น้องคนไทยทั้งชาติ ส่วนเรื่องอิสรภาพ เป็นเรื่องของพี่น้องเรา เรื่องปัญหาน้ำท่วม นอกจากภาคอีสาน เวลานี้ได้กระจายไปถึงภาคกลางในหลายจังหวัด มีผู้วิจัยไว้ว่า ประเทศไทยทั้งปี ทำอยู่สองเรื่อง หน้าแล้งให้ขนน้ำให้คน หน้าฝนขนคนหนีน้ำ เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ไม่เคยมีแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาว สิ่งที่คนไทยอยากได้ยินคือ ภาครัฐเสนอแผนแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ทุกฝ่ายช่วยกันระดมความคิด ช่วยกันคิดแก้ปัญหาให้ยั่งยืน ระยะเวลา 10 ปี การแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม มีการศึกษากันไว้แล้วทั้งหมด ขาดอย่างเดียวคือลงมือทำ รัฐบาลในแต่ละยุคแต่ละสมัย เงินช่วยภัยแล้งก็จะได้ตอนน้ำท่วม เงินช่วยน้ำท่วมก็ไปได้ช่วงภัยแล้ง เป็นปัญหาของระบบราชการไทย เป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่มีการปรับปรุง บูรณาการ ไม่มีการวางแผนว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างไรในระยะยาว จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ยินรัฐบาลพูดถึงการแก้ไขและป้องกันปัญหาน้ำ ในอนาคต แข่งขันกันแต่เรื่องรับเงินบริจาค แต่ไม่แข่งขันกันแก้ไขปัญหา ภาครัฐควรเสนอแผนแก้ไขทั้งระบบ ระดมความคิดทุกฝ่าย คนไทยควรจะเห็นว่าปีต่อไป หากเราเจอปัญหานี้ควรทำอย่างไร เราไปห้ามภัยธรรมชาติไม่ได้ แต่คนมีหน้าที่แก้ไขปัญหา
นายจตุพรกล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ ระบบการเมืองของไทย มักเล่นการเมืองมากกว่าทำงานรับใช้บ้านเมือง ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560 เป็นฉบับที่แก้ยากมากที่สุด การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้นั้น ต้องผ่านด่านแรกก่อนคือ การแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้เกิดการตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) แม้ว่าทุกฝ่าย ทั้งภาคประชาชน ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล จะพูดกันถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มีการเสนอให้ตั้งกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งจาก ส.ว. ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล รวมถึงเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล แต่จนหมดสมัยประชุมแรกแล้ว ก็ยังไม่เกิดกรรมาธิการดังกล่าว การจะหวังเสียงจาก ส.ว.1ใน3 หรือ 84 คน เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญนั้น คิดว่า เสียง ส.ว.ทั้งหมด จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าเห็นด้วยก็เห็นด้วยทั้งหมด ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วยทั้งหมด เพราะฉะนั้น จะต้องผ่านด่านแรกคือ แก้ไขมาตรา 256 ให้ได้เสียก่อน ให้ประชาชนได้เลือกส.ส.ร.เข้ามา จากนั้นจึงค่อยพูดถึงประเด็นอื่นๆ ที่เราไม่สบายใจกัน อาทิ ส.ว.มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นต้น แต่หากต่างฝ่ายต่างเสนอแก้เพื่อมุ่งเเต่เล่นการเมือง หรือพยายามเอาชนะทัดทานกัน ก็จะเกิดการแก้ไขได้ยาก นอกจากนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องมี 2 เรื่องที่ไม่ไปแตะต้อง คือ หมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ และ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้ ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของประชาชน โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมองถึงผลสัมฤทธิ์มากว่าเป็นเรื่องการเมือง
นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับเรื่องอิสรภาพ เคยพูดไปแล้วว่า เอาแน่เอานอนไม่ได้ ล่าสุดคดีพัทยา ตนต้องกราบขอบพระคุณศาลที่ยกฟ้องเพราะเป็นการฟ้องซ้ำเหตุการณ์ปี 2552 ตำรวจนครบาลและตำรวจ ภูธรภาค 2 ประชุมกันครบถ้วน ว่าจะฟ้องใครในเขตพื้นที่นครบาล ฟ้องใครในเขตพื้นที่พัทยา และตำรวจได้ให้การต่อศาลว่าทำไมไม่ฟ้องบุคคลเหล่านี้ ที่พัทยา ส่วนเรื่องคดีของตนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พยายามอธิบายเรื่องนี้ เพราะไม่คิดว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในคดีที่มีแต่ตนที่เจอเป็นคนแรก ตั้งแต่คดีที่ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.เพราะติดคุก ไม่ได้รับอขนุญาตให้ออกมาเลือกตั้ง รวมถึงคดีแพ่ง ที่ตนกับพวก ต้องร่วมกันชดใช้ ค่าเสียหาย ซึ่งยกมาสองศาล และกลับคำพิพากษาในศาลฎีกา โดยให้เหตุผลว่า เป็นประธานนปช.จึงมีความผิด ทั้งที่ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นประธาน นปช. จนมาถึงคดีนี้ ศาลอุทธรณ์สั่งให้พิพากษากลับให้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดใหม่ ให้นายจตุพร กลับไปรับโทษต่อ ทั้งที่พ้นโทษมากว่าปีแล้ว ก็อยากถามว่าทำได้หรือไม่
"ชะตากรรมเหล่านี้ เป็นเรื่องของความยากลำบาก เรามีหน้าที่ยอมรับชะตากรรม แต่บางเรื่องมันหมดหนทาง ที่ผ่านมาไม่เคยยอมถอยหนี แต่บางช่วงของชีวิต ก็เข้าใจ การเอาชีวิตสังเวย ขณะกำลังต่อสู้เรื่องการรักษาทุ่งใหญ่นเรศวร ของนายสืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นอย่างมาก ก็เคยคิดเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าเรามีสัมภาระ มีชีวิตที่จะต้องรับผิดชอบจำนวนมาก เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะสู้กันอย่างไร ติดคุกก็ติดมาแล้ว ทุกอย่างสารพัดที่จะโดน น้อมรับชะตากรรมทุกอย่าง ก็ยังจะต้องมาโดนอย่างนี้กันอีก แต่ทั้งหมดเรา ก็ยังต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมนี้อยู่ เพียงแต่เราปรับทุกข์ให้ฟัง เพราะว่าเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาของประเทศไทย ที่บอกว่ามันหมดหนทาง หมดที่พึ่งแล้ว เหลือสิ่งเดียวที่ยังพึ่งได้ คือพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น"นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เรื่องของคดีในวันที่23ก.ย. ขอไม่พูดถึง เนื่องจากไม่ต้องการก้าวล่วงศาล แต่จะทำหน้าที่ให้กำลังใจ และคิดหนทางทุกอย่าง เมื่อสิ้นกระแสความแล้ว เราก็ควรจะรู้ว่า เราจะต้องทำอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่จะทำได้ ในฐานะมิตรร่วมชะตากรรมนั้น คือการให้กำลังใจ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบและขอเชิญชวนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย ให้เดินทางไปเยี่ยม ให้กำลังใจ มิตรสหายที่อยู่ในเรือนจำพิเศษพัทยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่23 ก.ย. เวลา9.00น. ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา คดีชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่อัยการ ยื่นฟ้องนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว2006 นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน นายวันชัย นาพุทธา นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ที่ ห้อง701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน นายนพรุจ นายวีระกานต์ นายณัฐวุฒิ นายวิภูแถลง นพ.เหวง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |