ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียและยูเออี หารือแนวทางตอบโต้การถล่มโรงงานน้ำมันของซาอุฯ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ซึ่งเขาระบุว่าเป็น "การประกาศสงคราม" ซาอุฯ เปิดหลักฐานซากโดรนและมิสไซล์ ฝรั่งเศสไม่เชื่อฝีมือกบฏเยเมน ขณะอิหร่านเตือนเกิดสงครามเต็มรูปแบบหากอิหร่านโดนสหรัฐหรือซาอุฯ โจมตี

ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ สนทนากับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ที่นครเจดดาห์ เมื่อวันพุธ / MANDEL NGAN / POOL / AFP

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 ว่า ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐเดินทางมาเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ และได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียที่นครเจดดาห์คืนวันเดียวกัน แล้วในวันพฤหัสบดี เขาเดินทางต่อไปยังกรุงอาบูดาบีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)

    มอร์แกน ออร์ตากุส โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยว่า ปอมเปโอและเจ้าชายโมฮัมเหม็ดเห็นพ้องกันว่าอิหร่านต้องรับผิดชอบต่อพฤติการณ์รุกราน บุ่มบ่าม และคุกคามอย่างต่อเนื่องของอิหร่าน "การโจมตีที่ไม่เคยมีมาก่อนและยอมรับไม่ได้แบบนี้ มิเพียงคุกคามความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อชีวิตของพลเมืองอเมริกันทุกคนที่อาศัยและทำงานในซาอุดีอาระเบีย" โฆษกหญิงผู้นี้กล่าว

    ปอมเปโอระบุว่า การโจมตีโรงงานน้ำมัน 2 แห่งของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน ซึ่งกระทบต่อการผลิตน้ำมันครึ่งหนึ่งของซาอุฯ นั้นเป็น "การประกาศสงคราม" และเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่ซาอุฯ เปิดเผยหลักฐานใหม่ ได้แก่ ซากชิ้นส่วนของโดรน 18 ลำ และมิสไซล์ครูซ 7 ลูก ที่พวกเขาระบุว่า ถูกปล่อยมาจากทางเหนือ และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอิหร่านสนับสนุน "อย่างไร้ข้อกังขา"

ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หารือกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัลนาห์ยาน มกุฎราชกุมารอาบูดาบี ที่กรุงอาบูดาบี เมื่อวันพฤหัสบดี / MANDEL NGAN / POOL / AFP

    กลุ่มกบฏฮูตี ที่สู้รบกับกองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุฯ ในเยเมนมานาน 5 ปี อ้างว่าเป็นผลงานของพวกเขา แต่สหรัฐและซาอุฯ ไม่เชื่อ เห็นว่าการโจมตีแบบนี้เกินขีดความสามารถของกลุ่มกบฏที่มีอิหร่านหนุนหลังกลุ่มนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี ฌอง-อีฟส์ เลอ ดริยอง รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ก็กล่าวเช่นกันว่า คำกล่าวอ้างของฮูตี "ขาดความน่าเชื่อถือ"

    ยะห์ยา ซารี โฆษกของฮูตี กล่าวว่า พวกเขาใช้โดรนล้ำสมัยที่สามารถโจมตีพิสัยไกล ในการโจมตีโรงงานน้ำมัน 2 แห่ง โดยปล่อยออกจากสถานที่ 3 แห่งภายในเยเมน เขายังเตือนยูเออีซึ่งเข้าร่วมในกองกำลังพันธมิตรสู้รบในเยเมนด้วยว่า ฮูตีพร้อมจะโจมตีเป้าหมายหลายสิบแห่งในยูเออี ซึ่งรวมถึงนครดูไบและอาบูดาบีที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า หากยูเออีต้องการสันติภาพและความปลอดภัยสำหรับโรงงานและตึกระฟ้าติดกระจกที่ไม่อาจทนทานการโจมตีของโดรน พวกเขาก็ควรออกจากเยเมนเสีย

    นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า นักวางยุทธวิธีของกองทัพสหรัฐกำลังพิจารณาหนทางตอบโต้ และได้ทำบัญชีเป้าหมายการโจมตีในอิหร่านไว้แล้ว ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นน้ำมันอาบาดัน ที่เป็นหนึ่งในโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สุดของโลก หรือเกาะคาร์ก ที่เป็นท่าส่งออกน้ำมันใหญ่สุดของอิหร่าน ไปจนถึงฐานยิงมิสไซล์และฐานทัพในภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่เชื่อว่ามีบทบาทในการโจมตีโรงงานน้ำมันซาอุฯ ครั้งนี้

    โมฮัมเหม็ด จาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า อิหร่านพร้อมจะปกป้องตนเองหากสหรัฐหรือซาอุฯ โจมตีทางทหาร ซึ่งเขาเตือนว่าจะนำไปสู่ "สงครามเต็มรูปแบบ"

    เขากล่าวถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นเมื่อวันพุธว่าจะจัดหนักเพิ่มอีกอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยว่า "ผิดกฎหมาย" และ "ไร้มนุษยธรรม" ที่ออกแบบมาเพื่อทำร้ายประชาชนคนธรรมดา.