ภายหลังที่บ้านเมืองผ่านพ้นการเลือกตั้งใหญ่ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันก็ยังวนเวียนอยู่กับการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้พูดถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นของประเทศ ซึ่งยังไม่ทันได้กำหนดการที่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นช่วงใด ปรากฏว่ามีอันต้องเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่จังหวัดนครปฐม และจังหวัดกำแพงเพชร
โดยจังหวัดนครปฐมนั้น ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส. อันเนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ ส่วนกรณีที่จังหวัดกำแพงเพชรนั้น พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ เจ้าของพื้นที่เดิม ถูกศาลฎีกาตัดสินให้จำคุกในคดีเสื้อแดงล้มการประชุมอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา เมื่อปี 2552 มีผลทำให้ต้องสิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ทั้งนี้ ศาลได้นัด พ.ต.ท.ไวพจน์ฟังคำพิพากษาอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้
หมายความว่า ในปี 63 จะต้องมีการเลือกตั้งครั้งสำคัญ ได้แก่ การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ซึ่งน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดเผยไต๋ ว่าจะส่งผู้สมัครของตัวเอง หรือจะเป็นสงครามตัวแทน ระหว่างพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
เมื่อสแกนสถานการณ์ของแต่ละพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เช่น พรรคเพื่อไทย ต้องยอมรับว่ามีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี อย่างชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อยู่ในมือ ถือเป็นแต้มต่อและหาคู่เปรียบยาก เพราะนายชัชชาติยังถือเป็นบุคคลที่มีภาพดีที่สุดอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องกำนายชัชชาติให้อยู่หมัด อย่าปล่อยให้หลุดมือ
ทว่า เมื่อวันก่อนก็มีข่าวลือว่านายชัชชาติจะออกไปลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า จริงหรือเท็จประการใด แต่หากเป็นเรื่องจริง พรรคเพื่อไทยอาจเข้าตาจนได้
ด้านพรรคอนาคตใหม่ก็ประมาทไม่ได้ จากสนามการเลือกตั้งใหญ่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเกินคาด ฉะนั้น การกระโดดลงมาเล่นในสนาม กทม. จึงมีลุ้นว่าพ่อเมือง กทม.คนต่อไปอาจตกเป็นของพรรคอนาคตใหม่
อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ต่างฝ่ายต่างส่งผู้สมัครของพรรคตนเอง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐตกลงกันได้ ว่าจะส่งเพียง 1 คนเท่านั้น จะเท่ากับว่า 2 พรรครัฐบาลได้คะแนนเป็นหนึ่งก้อนใหญ่ๆ ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็จะโดนซอยคะแนนออกเป็น 2 ก้อน นั่นหมายถึงผู้ว่าฯ กทม.จะต้องตกเป็นของฝ่ายรัฐบาลนั่นเอง
กระนั้นดูท่าทีและความเคลื่อนไหว ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตกลงกันได้ พรรคที่เก่าแก่ที่สุดและเคยเป็นแชมป์หลายสมัยในพื้นที่ กทม. เช่น พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการอำนวยการยุทธศาสตร์ กทม.ก็ยังคงยืนยันหนักแน่นอยู่หลายครั้ง ว่าจะไม่มีการฮั้วกับพรรคอื่นเกิดขึ้น
ครั้นเมื่อถามว่ามีผู้สมัครในดวงใจที่จะส่งลงชิงเก้าอี้พ่อเมืองแล้วหรือไม่นั้น ทราบมาว่ายังไม่มีใครโดนใจ หรือเป็นตัวจี๊ด พอฟัดพอเหวี่ยงที่จะสู้กับนายชัชชาติได้แม้แต่คนเดียว
ส่วนพรรคพลังประชารัฐเคยมีกระแสข่าวว่าได้ทาบทามนายณรงค์ศักดิ์ โอสถสถาพร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หรือรู้จักและเรียกติดปากในนาม “ผู้ว่าฯ หมูป่า” มาเป็นคู่ชิง แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป โดยมีรายงานข่าวว่าคุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนด
กระทั่งมีข่าวล่าสุดว่า อาจเป็นนายสกลธี ภัททิยกุล อดีตแกนนำ กปปส. ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ดูท่าไม่ง่ายนะ เพราะพิษจากกลุ่มแก๊งการเมืองในพรรคเดียวกันที่ต่างฝ่ายต่างอยากส่งคนของก๊วนตัวเอง ซึ่งต้องติดตามตอนต่อไปว่าผู้ใหญ่ในพรรคจะตัดสินใจอย่างไร
แต่บอกเลยว่าถ้ายังหาใครที่กระแสแรงเท่า “ชัชชาติ” ไม่ได้ มีหวังพรรคทั้งหลายกินแห้วแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บันทึกผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หน้าใหม่แกะกล่อง ได้แก่ “ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์” อดีต CEO สายการบินแอร์เอเชีย หรือ “โจ” ธรรศพลฐ์ เป็นบุคคลที่น่าจับตา เพราะประกาศตัวเปิดเผยจะลงชิงตำแหน่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. แต่ยังไม่มีรายงานว่าจะลงแบบอิสระหรือสังกัดพรรคการเมืองใด มีแค่เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าตัวเพิ่งมีกระแสข่าวจะร่วมตั้งพรรคการเมืองใหม่กับชัชชาติ, อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. และกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
ทว่า กรณีที่เกิดขึ้นคาดว่าน่าจะอยู่ในขั้นตอนการทาบทามและระหว่างการตัดสินใจมากกว่า และอาจไม่ได้ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะแว่วมาว่ากำลังมีใครบางคนกำลังสร้างกลุ่มใหม่ และหากกลุ่มดำเนินการไปได้ด้วยดีอาจก่อเกิดเป็นพรรคหน้าใหม่ในวงการการเมืองที่มีรากเหง้ามาจากพรรคขนาดใหญ่ในปัจจุบัน
บอกเลยว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวงรอบนี้ทั้งชิงไหวชิงพริบและดึงเชงน่าดู เพราะแต่ละพรรคก็คิดว่าเป็นพื้นที่ ที่เสียไม่ได้!!!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |