เดิมทีก็คิดอยู่...

                ฝ่ายแค้นขอเวลาตั้ง ๒ วัน ๓ วันเพื่อซักฟอก "บิ๊กตู่" จะเอาอะไรมาพูดกันนักหนา

                วานนี้ (๑๘ กันยายน) อภิปรายจริง เริ่มต้นสายๆ เย็นจบ!

                ประเด็นซ้ำ แถมนอกเรื่องก็เยอะ

                และย้ำกันเรื่องให้นายกฯ ลาออก

                พูดง่ายๆ มีความฝันเล็กๆ อยากเปลี่ยนขั้ว เป็นรัฐบาลแทน

                แต่ต้องให้เครดิต ส.ส.อนาคตใหม่บางคน ทำการบ้านมาดี ฟังแล้วได้สาระ ต่างจาก ส.ส.เฒ่า ส.ส.เก่า เอามันเสียส่วนใหญ่ จนเลยเถิด

                "ยิงกบฏไม่ถือว่ามีความผิด"

                คำอภิปรายของ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" คงไม่ต่างไปจาก "กิติศักดิ์ กิตฺติวุฑฺโฒ"

                "ฆ่าคอมมิวนิสต์ ไม่บาป"

                ประเด็นของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงดูไร้สาระสิ้นดี

                ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นนายตำรวจนอกราชการ ใช้อำนาจตามกฎหมายอะไรถือปืนไปยิงคน

                ประเด็นถัดมาระหว่างการเป็นกบฏกับคณะรัฐประหารมันแค่เสี้ยววินาที แค่ชักปืนออกจากซอง ก็ไม่ทันแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั่นแหละน่าจะถูกเป่าดับเสียก่อน โทษฐานขัดขืนและใช้อาวุธปืน

                ตายไปก็เอาอะไรกับใครไม่ได้

                เพราะสิ่งแรกๆ ที่คณะรัฐประหารทำคือ นิรโทษกรรมตัวเอง 

                เวทีที่ฝ่ายแค้นเรียกว่าซักฟอกนายกฯ จึงแทบไม่ได้อะไร

                และเมื่อฟัง "วิษณุ เครืองาม" ชี้แจง ก็จบทุกอย่าง

                บวกกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี คือการกระทำระหว่างคณะรัฐมนตรีกับพระมหากษัตริย์

                การถวายสัตย์คือการกระทำก่อนเข้าทำหน้าที่ ก็ลองกลับไปดูพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ กันอีกที

                "ขอถือโอกาสนี้ ให้พรให้ท่านมีกำลังใจ ความมั่นใจ และความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขและความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน

                งานใดๆ ก็ต้องมีอุปสรรค งานใดๆ ก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแก้ปัญหา และเข้าหางาน เพื่อให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์ หรือแก้ไขให้ตรงเป้าตรงจุด และมีความเข้มแข็งอดทน

                ก็ขอให้คณะรัฐมนตรีและรัฐบาลได้มีกำลังใจ มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีด้วยความถูกต้องต่อไป"

                ประโยคท้าย....ให้คณะรัฐมนตรีและรัฐบาลได้มีกำลังใจ มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี..ก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว

                แต่ที่อาจไม่จบคือคำอภิปรายของ "สุทิน คลังแสง" นำศาลพระภูมิมาเปรียบการถวายสัตย์

                "ศาลพระภูมิศักดิ์สิทธิ์ลดลง ในที่สุดหมู หมา กา ไก่ เยี่ยวใส่"

                นั่นคือคำที่ "สุทิน คลังแสง" ใช้เปรียบว่ารัฐบาลกำลังทำให้การถวายสัตย์ไม่ครบ เป็นการลดทอนพระเกียรติ.