18 ก.ย. 62 – ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.05 น. นายสมพงษ์  อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีเป็นคนแรกว่า การถวายสัตย์ปฏิบัติญาณตนของนายกรัฐมนตรีไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา161 เพราะไม่มีประโยคว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทยทุกประการ” รวมถึงยังเพิ่มถ้อยคำว่า “ตลอดไป” เพิ่มขึ้นมา ทั้งที่ไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ถือว่ามีปัญหาเรื่องความชอบในการถวายสัตย์ฯ เพราะไม่ครบถ้วนถูกต้อง แม้ฝ่ายค้านให้แก้ปัญหา แต่นายกฯเพิกเฉย ไม่แก้ไขข้อบกพร่อง การถวายสัตย์ฯคือการให้คำมั่นสัญญาต่อพระมหากษัตริย์ จึงต้องกล่าวคำถวายสัตย์ฯให้ครบถ้วนทุกถ้อยคำ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ในหนังสือเรื่องเล่าจากเนติบริกร ตอนหนึ่งว่า รัฐมนตรีผู้ใดไม่กล่าวคำถวายสัตย์ถือว่า เป็นรัฐมนตรีไม่สมบูรณ์ ใช้อำนาจรัฐมนตรีไม่ได้ และจะต้องเปล่งวาจาด้วยถ้อยคำที่กฎหมายกำหนด จะพูดมากหรือน้อยกว่าในถ้อยคำไม่ได้

จากนั้นเวลา 10.25 น. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณตนเหมือนเป็นการให้คำมั่นกับประชาชน  แต่ครั้งนี้ให้คำมั่นไม่ครบ ถามว่าประชาชนจะให้ความไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร การให้คำมั่นเหมือนเป็นการขอลูกสาว เขารับปากว่าจะรัก แต่ไม่รับปากว่าจะดูแล นายกฯก็มีลูกเป็นผู้หญิง ถามว่านายกฯจะยกลูกสาวให้หรือไม่ การปฏิญาณตนมีความสำคัญจึงไม่สามารถขาดตอนใดตอนหนึ่งได้ แต่รอบล่าสุดขาดไป 3 ข้อ คือ คุ้มครองสิทธิของประชาชน ทำหน้าที่รัฐตามรัฐธรรมนูญ และทำตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ฉะนั้น เท่ากับเป็นการไม่ให้ความสำคัญกับประชาชน และการถวายสัตย์ไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐมนตรีทำหน้าที่ไม่ได้ 

“ผมขอเสนอแนะทางออกทางเดียว คือ นายกฯ ต้องรับผิดชอบทางการเมืองอย่างสง่างาม โดยการลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นหนทางที่นานาอารยะประเทศ ประเทศที่เจริญแล้วเขาทำกัน นายกฯ ไม่ต้องทำหนังสือก็ได้ แต่ขอเพียงแค่ใช้ความกล้าหาญเปล่งเสียงคำว่า ลาออก ขอให้ทำเพื่อประชาชนสักครั้งได้หรือไม่” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ.