16 ก.ย.62-เพจฎีกาสำคัญ โพสต์เรื่อง#ขับรถหนีด่านตำรวจ_ผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือไม่??? ระบุว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2545 จำเลยขับรถยนต์กระบะมาถึงด่านตรวจ ตำรวจได้ให้สัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจ จำเลยไม่ยอมหยุดและได้ขับรถเลยไปจนต้องมีการไล่ติดตามเพื่อสกัดจับ การที่จำเลยขับรถเลยไปไม่ยอมหยุดให้ตรวจค้นก็ดี การที่จำเลยดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมก็ดี เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตาม ป.อ.138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9157/2553 เจ้าพนักงานตำรวจตั้งจุดตรวจและเรียกจำเลยที่ขับรถเพื่อจะผ่านจุดตรวจให้หยุดรถเพื่อตรวจ การที่จำเลยไม่ยอมหยุดรถและขับผ่านจุดตรวจสกัดหลบหนีไป เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการหลบหนี เมื่อจำเลยมิได้กระทำการอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ การกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตาม ป.อ.มาตรา 138
#ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138
“ผู้ใดต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
ถ้าการต่อสู้หรือขัดขวางนั้น ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

#ข้อสังเกต ตามฎีกาข้างต้น เป็นการขับรถหลบหนีผ่านพ้นไปเท่านั้น มิได้กระทำการอย่างใดอีก หากมีการกระทำอย่างอื่นที่เข้าข่ายต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ก็อาจเป็นความผิดได้ เช่น จะขับรถหลบหนี แล้วพุ่งชนตำรวจหรือรถตำรวจเสียหาย (ฎีกาที่ 4884/2533, 4045/2545) , ขับรถหลบหนีและพุ่งชนแผงกั้นถนนจนกระเด็นถูกเจ้าพนักงาน (ฎีกาที่ 5095/2560) , ขับรถหลบหนี แล้วชักปืนเล็งมาที่ตำรวจ (ฎีกาที่ 5249/2537) เป็นต้น
#ฎีกาทั้งหมดข้างต้น เป็นเพียงผลคดีที่ศาลฎีกาเคยตัดสินไว้ในอดีต หากปัจจุบันใครขับรถหนีด่าน จะถูกตำรวจแจ้งข้อหา ถูกดำเนินคดี ต้องต่อสู้คดี และศาลจะตัดสินเป็นไปตามแนวฎีกาหรือในทางใดนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง