"เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย "บิ๊กตู่" ยกย่องอาสากู้ภัยช่วยชาวบ้านจนตัวเองเสียชีวิต ย้ำรบ.จะดูแลครอบครัวอย่างดีที่สุด กำชับวางแผนระบายน้ำเป็นระบบ "หญิงหน่อย" บอกให้นายกฯ ใช้ภาวะผู้นำแก้ปัญหาน้ำท่วมอุบลฯ "กรมชลฯ" มั่นใจอีก 4-5 วันน้ำลดระดับ ชาวบ้านเมืองดอกบัวกลับเข้าบ้านได้ คาด 1 เดือนทุกพื้นที่คืนสู่ภาวะปกติ
    เมื่อวันที่ 15 ก.ย. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดให้นางนิลุบล ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 300 ถุง พร้อมด้วยสิ่งของพระราชทาน ได้แก่ เต็นท์ที่พัก อุปกรณ์ทำน้ำดื่ม และอาหารสุนัขพระราชทาน ไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ณ จุดอพยพบ้านทัพไทย ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี จากนั้นเชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 700 ถุง ไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอวารินชำราบ ณ หอประชุมโรงเรียนกุดระงุม อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รวมทั้งเชิญสิ่งของพระราชทานประกอบด้วย เต็นท์ที่พัก จำนวน 1,000 หลัง, อุปกรณ์ทำน้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด และอาหารสุนัขพระราชทาน ไปมอบแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อีก 23 อำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น 
    ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารพระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่เดินทางมารับมอบถุงพระราชทานในพื้นที่ด้วย
    นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส.และคณะ เดินทางลงพื้นที่จ.อุบลราชธานี รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายนิรันดร์ สุรัสวดี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.อุบลราชธานี และรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง จากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 
    นายวราวุธและคณะเดินทางต่อไปยังบ้านไร่ใต้ ต.ไร่ใต้ อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อลงเรือเข้าเยี่ยมประชาชนและมอบถุงยังชีพ ในพื้นที่ประสบภัยบ้านไร่ใต้ บ้านไร่โดม บ้านไร่กลาง บ้านไร่เหนือ บ้านโนนค้อ บ้านคุลุ โดยสถานการณ์น้ำยังวิกฤติ ท่วมสูง 2-3 เมตร การสัญจรในพื้นที่ถูกตัดขาด หลังจากนั้นพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อมอบถุงยังชีพพร้อมกับน้ำดื่มของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านไร่ใต้ ก่อนที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9
    ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย (มท.) ก็ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยมีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.อุบลราชธานี
'บิ๊กตู่'ยกย่องอาสาเสียสละ
    "สถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อพี่น้องจำนวนมาก ทั้งที่อพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว หรือบางส่วนที่อยู่ในบ้านเรือนที่น้ำยังท่วมอยู่ ผมย้ำเสมอว่าที่ห่วงใยที่สุดคือความปลอดภัยของชีวิตประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก ซึ่งยอมรับว่ายอดการสูญเสียชีวิตครั้งนี้ค่อนข้างสูง จึงไม่อยากให้เกิดเหตุสูญเสียซ้ำขึ้นอีก ที่สำคัญคือระบบการแจ้งเตือนข่าวสารขอให้เจ้าหน้าที่แจ้งข่าวสารให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบ โดยรับฟังข่าวสารสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด" รมช.มหาดไทยกล่าว  
    ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายดำรงศักดิ์ เจียดประโคน อาสากู้ภัย ที่มีอาการป่วยและเสียชีวิตหลังจากไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แสดงความเสียใจ กรณีดังกล่าวถือเป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และต้องขอบคุณในความเสียสละของทีมอาสากู้ภัยและเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ได้ทำหน้าที่เพื่อผู้อื่นอย่างเต็มที่ นับเป็นการกระทำที่น่ายกย่อง รัฐบาลจะช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของนายดำรงศักดิ์อย่างดีที่สุด โดยพิธีฌาปนกิจจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 15.00 น. ณ วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำที่ จ.อุบลราชธานี นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่า ระดับน้ำที่ อ.เมืองอุบลราชธานีทรงตัว และจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ ส่วนน้ำที่ล้นตลิ่งและท่วมขังใน อ.พิบูลมังสาหาร และ อ.วารินชำราบ มีแนวโน้มทรงตัว แม่น้ำชี มูล ลำปาว ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ ทั้งหมดมีแนวโน้มลดลง 
    "นายกฯ กำชับให้ทุกหน่วยบูรณาการงานความช่วยเหลือประชาชน กระจายกำลังและเครื่องมือไปยังจุดที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เช่นเดียวกับการระบายน้ำที่ต้องวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ระดับในพื้นที่สำคัญ เช่น ที่อยู่อาศัย ย่านเศรษฐกิจ ราชการ พื้นที่การเกษตร ลดลงโดยเร็วที่สุด และต้องคำนึงถึงการกักเก็บน้ำสำหรับฤดูแล้งหน้าด้วย" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว    
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุน้ำท่วมอีสานแต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับลงใต้ว่า อยากถามว่าใช้สมองส่วนไหนคิด พล.อ.ประยุทธ์เพิ่งลงไปช่วยมา และได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ทำงานเต็มที่ และการลงไปพื้นที่น้ำท่วมบ่อยก็ใช่ว่าจะดี เพราะนายกฯ อยากให้ข้าราชการในพื้นที่ทำงานกันอย่างเต็มที่
    "ไม่เหมือนอดีตนายกฯ ของนายอนุสรณ์ที่เคยปราศรัยที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อปี 2548 ว่าจังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้ผู้สมัครไทยรักไทยจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ส่วนจังหวัดไหนไว้วางใจน้อยเอาไว้ทีหลัง ต้องเป็นไปตามคิว นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเพื่อคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเลือกใคร เพราะประเทศไทยเป็นของทุกคน" รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าว
    ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 16 ก.ย. ตนและแกนนำพรรค พท.จะประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ ส.ส.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคอีสานถือว่าหนัก สร้างความเสียหายอย่างมาก มีคนเสียชีวิตกว่า 30 คน 
5 วันน้ำลดกลับบ้านได้
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้เห็นสถานการณ์น้ำท่วมที่ค่อนข้างรุนแรง แต่สถานการณ์วันนี้ยิ่งมีความรุนแรงมากกว่าเดิม พรรค พท.ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้จะไม่ใช่รัฐบาล ไม่มีอำนาจ รวมถึงเครื่องมือในการช่วยเหลือ แต่พยายามช่วยเหลือให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
    ถามว่ารัฐบาลนี้แก้ไขปัญหาอุทกภัยได้ดีเพียงพอแล้วหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการโจมตีรัฐบาล แต่ต้องการให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง เชื่อว่าทุกคนพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่จากการสะท้อนของชาวบ้านวันนี้มีการช่วยเหลือจากหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องมีผู้มีอำนาจสั่งการให้มีความเป็นเอกภาพ แก้ไขปัญหาได้ทันที
    "อยากขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ น้ำท่วมอีสานในครั้งนี้รุนแรงเหลือเกิน อยากให้นายกฯ ให้ความสนใจและช่วยมาดูปัญหาที่อาจจะติดขัด โดยการใช้ภาวะผู้นำในการตัดสินและผลักดันให้การแก้ไขได้อย่างรวดเร็วทันใจประชาชน ขอให้นายกฯ ได้แบ่งเวลามาสนใจปัญหาน้ำท่วมของคนอีสานมากกว่านี้" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
    วันเดียวกัน นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์น้ำท่วมว่า ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ อพยพประชาชน 24,235 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ยโสธร อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด รวม 96 จุด ประกอบด้วย ยโสธร 11 จุด 907 คน, อุบลราชธานี 63 จุด 23,198 คน, ร้อยเอ็ด 22 จุด 130 คน 
    นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานีว่า ช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ย.ที่ อ.เมืองอุบลราชธานี สถานีวัดน้ำ M7 ระดับน้ำอยู่ที่ 10.86 เมตร จากเดิมระดับสูงสุด 10.97 เมตร ลดเกือบ 11 ซม. ซึ่งการเพิ่มเครื่องผลักดันน้ำส่งผลการระบายน้ำได้มากขึ้น 30% เป็นวันละ 500 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าภายใน 4-5 วัน ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ และสิ้นเดือนนี้ปริมาณน้ำจะเข้าสู่ระดับตลิ่ง รวมทั้งน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตร ดำเนินการสูบออกพร้อมกับหารือกับท้องถิ่นและเกษตรกรพื้นที่ใดกักเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง เช่ น ลำห้วย แก้มลิง
    "สาเหตุที่น้ำท่วมภาคอีสานลดระดับลงได้เร็วตามที่คาดการณ์ จากการจัดการปริมาณน้ำลุ่มน้ำชีลดระบายเขื่อนวังยาง และลำน้ำมูล ลดระบายเขื่อนราษีไศล ที่สำคัญคือลดอัตราการระบายเขื่อนใหญ่ๆ เช่นเขื่อนลำปาว เขื่อนอุบลรัตน์ และหยุดการระบายเขื่อนขนาดกลางใน สาขาลำน้ำชี เพราะฝนลดลง ต้องเก็บน้ำไว้ และหากไม่มีอิทธิพลฝนตกเพิ่มเข้ามา ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติสิ้นเดือนนี้ ปริมาณน้ำค้างทุ่งเหลือเพียงกว่า 1,000 ล้าน ลบ.ม. ที่จะไหลลงไปที่ราบลุ่มแอ่งกระทะของ จ.อุบลราชธานี ก่อนไหลออกแม่โขง คือ อ.วารินชำราบ และเคลื่อนตัวไป อ.พิบูลมังสาหาร อ.สว่างวีระวงศ์ อ.โขงเจียม ในระหว่างสองสัปดาห์ พื้นที่เหล่านี้น้ำท่วมจะลดลงไปเรื่อยๆ มวลน้ำอยู่ก้อนท้ายสุดไม่เกินสิ้นเดือนนี้" รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าว.