ทบ.แจงคดี‘พัน คำกอง’ 10แกนนำนปช.ยังไม่หนี


เพิ่มเพื่อน    

  "ทบ." แจงคดี "พัน คำกอง" เสียชีวิต อยู่คนละจุดกับรถตู้ที่ขับฝ่าแนวกั้น รวมทั้งมีการใช้อาวุธสงครามจากบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐตลอดเวลา  สะพัด 10 แกนนำ นปช.ล้มประชุมผู้นำอาเซียนยังไม่หนี ทำใจนอนคุก เตรียมทยอยมอบตัว

    เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวกรณีนางหนูชิด คำกอง ภรรยาของนายพัน คำกอง พร้อมทนายและญาติ เข้ายื่นฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อให้เอาผิดนายทหาร 2 นาย กรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณถนนราชปรารภ ช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 พ.ค.2553 ว่าที่ผ่านมาคดีดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว ทางพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีการสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด แต่เนื่องจากยังไม่สามารถสืบสวนหาตัวผู้ที่เป็นคนทำให้นายพันเสียชีวิตได้ คดีจึงได้งดการสอบสวนไว้ ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานมาใหม่ คดีก็สามารถนำมาสอบสวนเพิ่มเติม แล้วดำเนินการต่อไปได้
    โฆษกกองทัพบกอธิบายว่า เหตุการณ์ช่วงนั้น การควบคุมพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำได้ 100% และการใช้อาวุธสงครามจากบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยในภาพข่าวที่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธพยายามสกัดกั้นรถต้องสงสัยที่ฝ่าด่านบุกเข้ามาจริง แต่นายพันก็ไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว
     "พบว่าจุดที่นายพันเสียชีวิตนั้นอยู่คนละจุดกับรถตู้ที่ขับฝ่าเข้ามา และอยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกันกับเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ จึงทำให้ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถหาตัวผู้ที่กระทำต่อตัวนายพัน ได้" 
        พ.อ.วินธัยกล่าวว่า การดำเนินการไปยื่นฟ้องเองต่อศาล คงเป็นสิทธิ์ที่ญาติผู้เสียชีวิตที่สามารถกระทำได้ แต่ก็อยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในขณะนั้นด้วย จะอย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว ทางกองทัพก็ต้องดำเนินการแก้ต่างทางคดีให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต่อไป และขอเพิ่มเติมว่า คดีนี้ ทางทนายและญาติเคยดำเนินการลักษณะนี้มาแล้ว โดยได้ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งศาลมีคำสั่งยกฟ้องไปแล้ว
    จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ศาลจังหวัดพัทยาอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีแกนนำและแนวร่วม นปช. ร่วมกันชุมนุมบุกรุกไปยังโรงแรมรอยัลคลิฟบีช พัทยา เพื่อขัดขวางการประชุมอาเซียนปี 2552 โดยพิพากษาให้จำคุกจำเลย 11 คน เป็นเวลา 4 ปีนั้น
    โดยมีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เดินทางมาศาลตามหมายเรียกเพียงคนเดียว และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำหลังศาลอ่านคำพิพากษา
    ส่วนจำเลยอีก 10 คน ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายนพพร นามเชียงใต้, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี, นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวัลลภ ยังตรง, นายพิเชฐ สุขจินดาทอง ไม่ได้เดินทางเข้าฟังคำพิพากษา
    โดยนายอริสมันต์, นายวัลลภ ระบุว่ามีอาการป่วยแสดง อย่างไรก็ตาม ศาลจังหวัดพัทยาเห็นว่าอาการป่วยนั้นไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองเพื่อมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.
    ขณะที่ พ.ต.ท.ไวพจน์, นายสำเริง, นายวรชัย ปรากฏว่ายังไม่ได้รับหมายเรียกที่ศาลแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษา ศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้วให้ออกหมายเรียกจำเลยทั้งสามมาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นี้ วัน-เวลาเดียวกันกับนายอริสมันต์
    ส่วนจำเลยที่เหลือ ศาลได้ส่งหมายเรียกแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาฎีกาให้ทราบแล้ว แต่จำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลจังหวัดพัทยาจึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้ง 7 เพื่อมาฟังคำพิพากษาต่อไปเช่นกัน พร้อมให้ปรับนายประกันจำเลยทั้ง 7 คนเต็มจำนวนสัญญา
    แหล่งข่าวจาก นปช.เปิดเผยว่า แกนนำส่วนใหญ่ ไม่คิดจะหนีโดยไม่รับโทษ เพียงแต่ในวันพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ก.ย.นั้น ประเมินกันว่าศาลอาจจะเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไป จึงไม่เดินทางไปศาล แต่พอมีคำพิพากษาให้จำคุก 4 ปี ทำให้ตั้งตัวกันไม่ทัน จึงขอตั้งหลักสักพัก แล้วจะทยอยเข้ามอบตัวเร็วๆ นี้.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"