การชุมนุมประท้วงที่เริ่มจากเหตุกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างฮ่องกงกับจีนจุดกระแสความไม่พอใจต่อผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกงกับรัฐบาลจีนอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเรียกร้องขอปกครองตนเองมากขึ้น ดังคำขวัญ “สู้เพื่อเสรีภาพ ยืนเคียงข้างฮ่องกง” (Fight for freedom, stand with Hong Kong!) แกนนำโจชัว หว่อง พูดเสมอว่าคนฮ่องกงต้องเป็นผู้ตัดสินอนาคตฮ่องกง ไม่ใช่โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นอกจากข้อเรียกร้องต่างๆ ร่างกฎหมาย Hong Kong Human Rights and Democracy Act เป็นอีกประเด็นที่ควรจับตา
ตามรายงานข่าวสมาชิกรัฐสภาสหรัฐจำนวนหนึ่งเป็นผู้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อเดือนมิถุนายน (ช่วงเริ่มต้นชุมนุม) หลักสำคัญคือต้องการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรมของฮ่องกงเป็นประจำทุกปี กำหนดให้รัฐบาลพิจารณาเป็นรายปีว่าสมควรให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่ฮ่องกงหรือไม่ กำหนดให้ประธานาธิบดีมีอำนาจคว่ำบาตร เช่น ไม่ให้วีซ่าแก่เจ้าหน้าที่ฮ่องกงผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ฝ่ายจีนเห็นว่าแนวคิดกฎหมายดังกล่าวแทรกแซงกิจการภายใน เป็นหลักฐานที่ทางการจีนอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อมโยงกับฝ่ายการเมืองสหรัฐ ละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หากสหรัฐผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวจีนอาจตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรผู้แทนรัฐสภาสหรัฐกับสมาชิกครอบครัว เช่น ห้ามทำธุรกิจในฮ่องกง ไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ
จับตาความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ :
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนที่พูดจาโผงผาง บ่อยครั้งเกินความจริง ถูกบ้างผิดบ้าง แต่หลายครั้งพิสูจน์ว่าทำเรื่องที่เกินคาด เช่น ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงภาวะโลกร้อน ยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเพียงฝ่ายเดียว ทำข้อตกลงการค้าเสรี NAFTA กับแคนาดาและเม็กซิโกใหม่ด้วยเหตุผลตรงไปตรงมาว่าข้อตกลงเก่าได้ประโยชน์น้อยเกินไป ต้องการข้อตกลงใหม่ที่สหรัฐได้ประโยชน์มากกว่าเดิม
รัฐบาลสหรัฐทุกยุคทุกสมัยดำเนินนโยบายปิดล้อมจีน แรงบ้างเบาบ้าง แรงมากขึ้นในชุดรัฐบาลปัจจุบัน สงครามการค้าสหรัฐ-จีนนับวันจะแรงขึ้น กระทบเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งต่อคนอเมริกัน แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ดีและถูกต้อง
ต่อสถานการณ์การชุมนุมประท้วง แน่นอนว่าท่านประธานาธิบดีไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย ขอให้จีนปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างที่ควรกระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน (humanely) มิฉะนั้นปัญหาการค้าสหรัฐ-จีนจะดำเนินต่อไป งานหลายล้านตำแหน่งจะหายไปจากประเทศจีน บริษัทนับพันจะถอนตัว
เป็นคำเตือนและคำขู่ ยืนยันอยู่ฝ่ายผู้ชุมนุมประท้วง
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาความร่วมมือระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับแกนนำผู้ชุมนุมมีจริง เป็นที่ประจักษ์ชัด
ถ้ายึดตามหลักนโยบาย แม้รัฐบาลทรัมป์เคยพูดว่าได้ปรับเปลี่ยนนโยบายยอมรับการปกครองที่แตกต่าง ดังสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่ง (inauguration address) เมื่อมกราคม 2017 ว่า จะไม่ยัดเยียดวิถีชีวิตของเราแก่ต่างชาติ แต่จะแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง และกล่าวทำนองนี้อีกใน Arab Islamic American Summit 2017 ว่ารัฐบาลสหรัฐไม่ให้ความสำคัญต่อความแตกต่างด้านระบอบการปกครอง ศาสนา
แต่ในหลายกรณีรัฐบาลทรัมป์ยังพูดเรื่องส่งเสริมประชาธิปไตย ผลักดันให้ประเทศอื่นๆ เป็นประชาธิปไตย จึงเป็นไปได้ว่าจะผลักดันประชาธิปไตยฮ่องกงด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอดีต รมต.กลาโหม จิม แมททิส (Jim Mattis) กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงฮ่องกงไม่ใช่ “กิจการภายใน” ของจีน ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐควรเข้าแทรกแซง อย่างน้อยให้กำลังใจ อยู่เคียงข้างผู้ชุมนุม
ด้วยผลงานที่ผ่านมามีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์อาจทำสิ่งที่แหวกแนวต่อฮ่องกงก็เป็นได้
ล่าสุด ทรัมป์แสดงท่าทีอ่อนลงต่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และมีข่าวว่าจีนจะระงับภาษีนำเข้าและกลับมาซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐบางรายการ เช่น ถั่วเหลืองกับสุกร แต่จะมีผลต่อฮ่องกงหรือไม่ยังไม่ชัดเจน
ตลกร้ายฮ่องกง :
ดังที่เคยนำเสนอแล้วว่ารัฐบาลจีนถือว่าปัจจุบันปกครองแบบสังคมนิยมประชาธิปไตย (socialist democracy) หมายถึงการปกครองที่ให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิตประจำวันตามสมควร สามารถเลือกเรียน เลือกงานทำ เลือกคู่ครอง เป็นเจ้าของทรัพย์สิน ประกอบธุรกิจส่วนตัวตามกรอบกฎหมาย มีตลาดหุ้นให้ลงทุน ต่างชาติเข้ามาซื้อขาย แต่อำนาจการปกครองอยู่ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ คอยกำกับควบคุมชี้นำการเมืองเศรษฐกิจสังคม ฯลฯ
ผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ ขอสิทธิในการปกครองตนเองมากขึ้น บางคนกล่าวว่าพวกตนต้องการเสรีภาพเหมือนสหรัฐ แต่จะเป็นตลกร้ายหากเมื่อพวกเขาได้ประชาธิปไตยแล้วใช้อำนาจนี้กีดขวางคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องการเข้ามาทำงาน ค้าขายที่ฮ่องกง ปิดกั้นการลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ กีดกันไม่ให้คนจีนซื้อบ้านคอนโดฮ่องกง
กลายเป็นว่าผู้บริหารฮ่องกงยุคประชาธิปไตยใหม่ควบคุมเรื่องเหล่านี้อย่างเข้มงวด ไม่ต่างจากข้อโจมตีที่ว่ารัฐบาลจีนกำกับควบคุมการค้าการลงทุน ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นการค้าเสรีแบบสากล
ดังที่เสนอในบทความก่อนว่าสิ่งที่ผู้ประท้วงต้องการคือลิขิตชีวิตตัวเอง ระบอบการปกครองที่พวกตนตัดสินอนาคตของตัวเอง ด้วยความเชื่อว่าเช่นนี้แล้วจะได้สิ่งที่ดีที่สุด
หลักสำคัญที่ต้องยึดคือสิ่งผู้ประท้วงต้องการไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ระบอบเสรีประชาธิปไตยกินไม่ได้ แต่ต้องการประชาธิปไตยถ้าช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น หาไม่แล้วเสรีประชาธิปไตยไม่ก่อประโยชน์อันใด
หรืออาจสรุปว่าการปกครองมีเพื่อการอยู่ดีมีสุขของพลเมืองก็ว่าได้
ดีที่ตลกร้ายฮ่องกงคงไม่เกิด เพราะรัฐบาลจีนไม่ปล่อยให้ผู้ชุมนุมฮ่องกงได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ระหว่าง 1,400 ล้านคนที่ต้องดูแลกับชาวฮ่องกง 7 ล้านกว่าคน รัฐบาลปักกิ่งย่อมตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอะไร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมารัฐบาลจีนพูดเสมอว่าพร้อมจะใช้กำลัง “จัดการ” ไต้หวันหากประกาศเอกราช หรือจะเทียบเคียงกรณีเทียนอันเหมินก็น่าจะได้ เหล่าแกนนำผู้ชุมนุมรับรู้เป็นอย่างดี
ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ :
การชุมนุมประท้วงฮ่องกงไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยประท้วงใหญ่มาก่อน และจัดชุมนุมเป็นประจำทุกปี ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ “จุดติด” บางสัปดาห์มีคนเข้าร่วมนับแสนนับล้าน สัปดาห์ที่มีน้อยยังมีนับหมื่นคน ชุมนุมต่อเนื่องทุกสัปดาห์
ข้อดีของการชุมนุมคือโดยรวมแล้วยังอยู่ในความสงบเรียบร้อย แม้มีความรุนแรงเกิดขึ้นบ้าง ต้องมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการชุมนุมนับหมื่นนับแสนคน มีคนหัวร้อนใจร้อน บางจุดบางพื้นที่เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้
กลุ่มผู้ชุมนุมยังมีกำลังใจดี ทำอย่างมียุทธศาสตร์ มีระบบ แน่นอนว่าแกนนำต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมรอบปีก่อนๆ จะไม่พลาดโอกาสทองของปีนี้
เกิดคำถามว่ารอบนี้จะจบลงเมื่อไร จบอย่างไร
ณ ขณะนี้เป็นการยากที่จะคาดการณ์ว่าจะลงเอยที่ใด อาจจะเป็นการประนีประนอมในทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อไหร่จะถึงวันนั้น เศรษฐกิจพังพินาศกว่านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมอาจเห็นด้วยกับการต้องสูญเสียเพื่อให้ได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
แล้วปีหน้าจะกลับมาชุมนุมอีกไหมเหมือนที่ทำมาต่อเนื่องมาแล้วหลายปี เพื่อความสำเร็จที่ก้าวล้ำขึ้นไปอีก.
-------------------------
ภาพ : อดีต รมต.กลาโหมสหรัฐ จิม แมททิส (Jim Mattis)
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |