14 ก.ย.62 - จากกรณีศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี 12 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ล่าสุดสังคมโซเชียล ได้แชร์บทความเรื่อง “ครบรอบ 4 ปี ทักษิณ ชินวัตร และ อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง กับการทำลายการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่พัทยา 10-11 เมษายน 2552” เขียนโดย ผศ.สมเกียรติ อ่อนวิมล เผยแพร่ในเฟซบุ๊ซชื่อ “สมเกียรติ อ่อนวิมล | Somkiat Onwimon
เดือนเมษายน 2552. ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ที่พัทยา ผมอยู่ในโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท ทุกวัน เหมือนสื่อมวลชนทั้งหลาย ในวันแรกที่ไปถึง รู้สึกสะดวกสบายและเห็นความราบรื่นในการเตรียมงาน มองเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่จากการประชุม เพราะการเตรียมงานเรียบร้อย มีประสิทธิภาพอย่างน่าภาคภูมิใจในฐานะคนไทยที่เป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย อาคารสถานที่ของโรงแรมก็โอ่โถง กว้างขวาง โอฬาร สมเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลก บรรยากาศสดชื่นงดงามของทะเลและชายหาดเป็นอมตะจนไม่ต้องอธิบาย บุคคลากรของกระทรวงการต่างประเทศทำงานสนับสนุนรัฐบาลที่ผมเชื่อมั่นในคุณภาพของนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผมภูมิใจในพื้นฐานความรู้ด้านการต่างประเทศอย่างที่สุด ผมชื่นชอบในบุคลิกการสื่อสารและภาษาที่ท่านใช้ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ส่วนประวัติอันดีงามและความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใสในชีวิตของท่านนั้นผมมั่นใจได้อย่างบริบูรณ์
แต่พอเริ่มงานในวันที่ 10 เมษายน 2552 ทุกอย่างก็ไหวสะเทือนเพราะแรงการประท้วงจากฝูงชนผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใส่เสื้อสีแดงเป็นสัญลักษณ์ ผมทราบดีว่าคุณทักษิณ ต้องการอำนาจกลับคืนมา แต่ไม่มีวิธีอื่นใดนอกจากล้มรัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ และไม่มีวิธีอื่นใดที่จะล้มรัฐบาลได้ขณะที่ตัวเองเป็นผู้ต้องโทษหนีไปอยู่ต่างประเทศ
นอกจากจะให้ตัวแทนของตนในประเทศไทย รวมพลังมวลชนมาก่อกวนเพื่อล้มรัฐบาลด้วยเงื่อนไขที่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยใดๆจะรับไม่ได้ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามวลชนของคุณทักษิณจะมาล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา ที่ผมคิดเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเสื้อแดงที่เป็นผู้นำการประท้วงกล่าวบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯว่าจะไม่ขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนและพิสูจน์การรักษาสัจจะให้เห็นแล้วในระหว่างการประชุมสุดยอดก่อนหน้านี้ที่ชะอำ-หัวหิน
ในวันที่ 10 เมษายน 2552. ขบวนประท้วงของพวกเสื้อแดงเดินทางเข้ามาถึงหน้าโรงแรมอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ทางเข้าก็แคบและมีทางเข้าด้านหน้าทางเดียว ทางเข้าด้านหลังโรงแรมก็มี แต่ก็สามารถปิดกั้นให้ความปลอดภัยแก่สถานที่ประชุมได้ หากตำรวจและทหารต้องการจะทำหน้าที่จริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธรุนแรง เพียงแต่ตั้งเครื่องกีดขวางเสริมด้วยตำรวจและทหารหลายๆแถว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ
ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่สื่อมวลชนทั้งหลายว่าการประชุมจะดำเนินไปได้อย่างไร หากผู้ประท้วงจะบุกเข้ามาในอาคารที่เป็นศูนย์สื่อมวลชนเมื่อไรก็ย่อมได้ และสามารถบุกต่อไปยังอาคารที่ประชุมได้เช่นกัน มวลชนเสื้อแดงที่เดินขบวนเข้ามาประท้วงนำโดยคุณอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ซึ่งตะโกนป่าวร้องบนรถบรรทุก ต่อว่าด่าทอรัฐบาลด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
แต่เงื่อนไขที่ขอให้มีตัวแทนอาเซียนมารับหนังสือประณามรัฐบาลไทยและฟ้องรัฐบาลชาติอื่นนั้น ทำให้ผมคิดตามเดิมว่าเขาคงไม่ขัดขวางการประชุมแน่นอน
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีบอกกับผมว่าคุณอริสมันต์ สัญญาว่าหลังจากมอบหนังสือแล้วจะถอยขบวนประท้วงออกไปทันที เมื่อคุณอริสมันต์กับพวกอีกห้าคน ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในอาคารศูนย์สื่อมวลชนเพื่อยื่นหนังสือและรอพบตัวแทนจากสำนักเลขาธิการอาเซียน ระหว่างรอตัวแทนจากอาเซียนอยู่นั้นผมเข้าไปคุยกับตัวแทนพวกเสื้อแดงผู้สนับสนุนคุณทักษิณคนหนึ่งซ่ึงผมก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว หากแต่เขารู้จักผม จึงคุยกันได้ฉันมิตรด้วยภาษาที่สุภาพ
เขาบอกผมว่าพวกเขามาถึงหน้าโรงแรมนานแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจจะออกมาพูดจาถามไถ่ถึงความต้องการ ไม่มีใครเข้ามาเจรจาเลย รออยู่นาน ปราศรัยบนรถอยู่นานก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ ไม่มีภาษาที่ก้าวร้าว ต่างกับภาษาที่ก้าวร้าวยั่วยวนหยาบคายที่เขาใช้บนเวทีปราศรัยบนรถนำขบวน
ผมเชื่อว่าการที่เขาพูดคุยกับผมอย่างสุภาพและสงบก็เพราะเขาคุยกับผมซึ่งเขารู้จักในฐานะสื่อมวลชน (อาวุโส) ที่มิได้อยู่ตรงข้ามกับเขา หรือเข้าข้างฝ่ายใด การพูดคุยกันจึงพอจะได้รับข้อมูลที่จริงใจ
ระหว่างความชุลมุนวุ่นวายในอาคารสื่อมวลชนนั้น ผมนั่งคิดอยู่ว่าผมควรจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ จะหลบไปหามุมปลอดภัย หรือจะเข้าไปอธิบายให้พวกแดงฟังบ้าง หรือจะเข้าไปเผชิญหน้าถกเถียงกับพวกเขาด้วยตัวเองเสียเลย ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ในที่สุดผมก็เดินแหวกฝูงชนที่ห้อมล้อมคุณอริสมันต์อยู่นั้น แล้วผมก็เข้าไปด้านหลัง สะกิดไหล่คุณอริสมันต์ที่กำลังยืนพูดกับผู้สื่อข่าวข้างหน้า คุณอริสมันต์หันมาทักทายผม แล้วผมก็บอกคุณอริสมันต์ ที่พวกเราสื่อมวลชนเรียก “กี้ร์” ซึ่งเป็นชื่อเล่น ผมขอร้องคุณอริสมันต์ว่าขอให้ถอนกำลังมวลชนกลับไปหลังจากยื่นหนังสือแล้ว ตามที่ได้สัญญาไว้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้เห็นแก่อาเซียนและรัฐบาลซึ่ง หมายถึงรัฐบาลของท่านนายกฯสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลท่านนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลของท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทุกรัฐบาลทั้งหมดรวมกัน เพื่อรักษาชื่อเสียงของประเทศชาติเอาไว้ให้ได้ เพราะทุกรัฐบาล ล้วนแล้วแต่ร่วมกันทำงานเพื่ออาเซียน เพื่อชื่อเสียงของประเทศไทยมานานแรมปี อาเซียนเป็นของทุกรัฐบาล เป็นของคนไทย และเป็นของพลเมืองเกือบ 600 ล้านคนใน 10 ประเทศร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา
อาเซียนไม่เกี่ยวกับปัญหาระหว่างคุณทักษิณกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แต่ประการใด
อาเซียนไม่เกี่ยวกับเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง
อาเซียนไม่ได้เป็นปฏิปักษ์อะไรกับพวกแดง!
ผมพูดกับคุณอริสมันต์โดยความหมายรวมทำนองนี้ในเวลาไม่ถึงนาที แล้วย้ำกับคุณอริสมันต์ว่า หากมวลชนของคุณอริสมันต์ถอยกลับตามสัญญาก็จะได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะที่แสดงความเป็นนักประชาธิปไตยในการประท้วงแล้วส่งความคิดเห็นตามช่องทางที่เหมาะสม จบแล้วก็จบกระบวนการประท้วง
หลังการยื่นหนังสือประณามรัฐบาลไทยแล้วขบวนมวลชนเสื้อแดงของคุณอริสมันต์ก็ถอยกลับไปอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผมโล่งใจและภูมิใจในความยึดมั่นสัจจะวาจาของคุณอริสมันต์
หลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวว่ามีชาวพัทยาจำนวนหนึ่งไม่พอใจการที่พวกคุณอริสมันต์มาประท้วงทำให้เสียหายต่อบรรยากาศทางสังคมและธุรกิจของเมืองพัทยา
และกลุ่มชาวพัทยาที่มาประท้วงรออยู่ปากทางตอนที่พวกคุณอริสมันต์กำลังถอยขบวนย้อนทางออกไป ชาวพัทยาที่ประท้วงใส่เสื้อสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ ผมถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีก็ได้ความว่ามีจำนวนรวม 500 คน และท่านรับทราบถึงการมาของขบวนชาวเมืองพัทยา (หรืออาจจะตีความต่อไปได้ว่าท่านผู้ว่าฯมีส่วนในการจัดมวลชน) กลุ่มเสื้อสีน้ำเงินมีทั้งชาวเมืองที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวและชาวประมง แต่การใส่เสื้อสีน้ำเงินแสดงถึงการจัดตั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเอามาต่อต้านฝ่ายเสื้อแดงซึ่งมีจำนวนมากกว่า ผมมาทราบทีหลังว่ามีการตะโกนด่าทอและขว้างปาใส่กันบ้าง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต
เมื่อผมกลับไปพักที่โรงแรมริเวียร่า ในเขตนาเกลือ ไกลจากที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ได้ดูช่องโทรทัศน์ D-Station ผ่านดาวเทียมของคุณทักษิณ ชมการปราศรัยบนเวทีของผู้ประท้วงที่กรุงเทพ ประกาศให้มวลชนเสื้อแดงเดินทางไปสมทบและเตรียมประท้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยาอีกรอบหนึ่ง ผมฟังคำปราศรัยของคุณทักษิณ ผ่านจอภาพวิดีโอ
คุณทักษิณพูดปลุกเร้าอารมณ์ชาวเสื้อแดงแสดงความไม่พอใจที่การประท้วงนำโดยคุณอริสมันต์จบลงอย่างง่ายเกินไป คุณทักษิณต้องการให้พวกเสื้อแดงกลับไปประท้วงขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียนต่อไป โดยตะโกนร้องว่า :
“ผมแพ้ไม่ได้” ประท้วงแล้ว “ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมา”
แล้วคุณทักษิณก็เรียกร้องให้การชุมนุมทวีความเข้มข้นขึ้น
ได้ยินดังนี้แล้วผมก็สิ้นหวัง และเชื่อว่าคำสั่งของคุณทักษิณนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือสัจจะวาจาใดๆที่คุณอริสมันต์ให้ไว้กับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี หรือที่สัญญากับผมจากการคุยกันอย่างฉาบฉวยไม่กี่วินาที
เช้าวันที่ 11 เมษายน 2552. ผมไม่คิดว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนจะเป็นไปได้
ดูจากสีหน้าที่โกรธขึ้งของคุณณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และคุณจตุพร พรหมพันธุ์ บนเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาล ก็เห็นความรุนแรงและมุ่งมั่นที่จะเอาชัยชนะติดมือจากพัทยากลับไปมอบให้คุณทักษิณให้ได้
ระหว่างทางบนถนนนาเกลือ ไปสู่โรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียน ผมพบกลุ่มเสื้อแดงวิ่งไล่ตีชาวพัทยาบริเวณวงเวียนน้ำพุ กระเจิดกระเจิงมาในซอยที่ผมกับทีมงานสารคดีโทรทัศน์อาเซียนหลบอยู่ ชายหนุ่มชาวพัทยาที่หนีเข้ามามือโชกเลือดเนื้อฉีกเป็นแผ่นยาวน่ากลัว เลือดไหลไม่หยุด ผมให้ผ้าเช็ดหน้าไปซับเลือด แล้วเจ้าของร้านขายของบริเวณใกล้เคียงก็ออกมาช่วยทำแผลให้ พวกเสื้อแดง วิ่งไล่ล่าตามมาในซอยหวังทุบตีด้วยไม้กระบองในมือ แต่ชาวพัทยาผู้บาดเจ็บก็ขึ้นรถหลบหนีไป
ผมกับช่างภาพวิดีโอสองกล้องได้ถ่ายภาพเหล่านี้ไว้แล้วเดินออกไปปากซอย ดูเหตุการณ์ถึงวงเวียนน้ำพุแยกถนนนาเกลือ ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมดุสิตธานีอันเป็นที่พักผู้นำชาติเอเชียตะวันออก ผมพบพวกเสื้อแดงในอาการโกรธแค้น ด่าทอหยาบคาย ผมเห็นตำรวจพัทยาปลอบใจหญิงเสื้อแดงที่อยากจะอยู่สู้กับชาวพัทยาบนถนน
แต่ตำรวจบอกให้ไปอยู่กับคนเสื้อแดงบนรถจะได้ปลอดภัย ผมได้คุยกับนายอำเภอบางละมุงเพื่อประเมินสถานการณ์หากผมจะพยายามหาทางเดินทางต่อไปยังโรงแรมรอแยลคลิฟฯอันเป็นที่ประชุมสุดยอดอาเซียน
ทีมงานของผมขับรถหลบพวกเสื้อแดงที่ปิดหน้าโรงแรมอยู่ แล้วอ้อมเข้าด้านหลังโรงแรมรอยัล คลิฟ รีสอร์ท ซึงเงียบสงบและปลอดภัย เดินผ่านสวนของโรงแรม เห็นเหล่าทหารที่ยังไม่มีหน้าที่จะผลัดเวรรักษาสถานการณ์ในตอนนี้ บรรดาทหารยืนแถวเตรียมพร้อมแล้วก็มี ที่นอนเอนกายกันทั่วไปในสภาพที่ไม่เตรียมพร้อมก็มี ดูเป็นภาพที่ไม่สวย ไม่เข้มแข็ง แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม ผมคิดว่าไม่ว่าทหารจะมีจำนวนมากน้อยเท่าใด
ทั้งหมดก็ควรเข้าแถวยืนประจันหน้ากับผู้ประท้วง และควรทำหน้าที่กันผู้ประท้วงไม่ให้เข้ามาตั้งแต่ปากทางแล้ว การไปดูแลความปลอดภัยของที่ประชุมระดับโลกเช่นนี้ไม่ควรไปนอนรอคอยคำสั่งหรือนอนพักผ่อนแต่อย่างใด การปกป้องที่ประชุมสุดยอดระดับโลกเช่นนี้หย่อนยานมาก และน่าตำหนิในความไม่เอาใจใส่ภาพลักษณ์ของทหารเลย
ใกล้ๆกันก็มีพวกเสื้อแดงเข้ามานั่งและเดินด่ารัฐบาลกันระเกะระกะบนสนามของโรงแรม ขณะที่ขบวนประท้วงใหญ่ก็อออยู่กันแน่นถนนหน้าโรงแรม ผมเดินเข้าไปนั่งคุยกับพวกเสื้อแดงที่นั่งกันอยู่ราว 50 คน ผมอยากรู้จักคนเหล่านี้ว่าเป็นใครมาจากไหนอย่างไร และมีความคิดเรื่องประชาธิปไตยแบบไหน ชาวเสื้อแดงคุยกับผมอย่างสงบและสุภาพ ยกเว้นว่ามีหญิงคนหนึ่งเดินไปเดินมามองตาเขียวใส่หน้าและด่าทอพุ่งเสียงตรงมายังผมตลอดเวลา
เธอไม่ได้ด่าผม เอาแต่ด่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์อย่างหยาบคาย ทว่าเธอหันหน้ามาทางผมตอนที่ด่า ตามคำบอกเล่าของชายที่นั่งข้างผม เธอเป็นชาวจันทบุรี ฟังจากสำเนียงก็เหน่อแบบจันทบุรีแน่นอน
ผมวิเคราะห์และสรุปนานแล้วว่าความหยาบคายในการใช้ภาษาของพวกพันธมิตรฯเสื้อเหลืองแสดงถึงความขาดสติและขาดเหตุผลที่จะอธิบายแนวคิดของตนเอง เป็นการขาดการศึกษาและวัฒนธรรมของผู้ประท้วงเสื้อเหลืองที่ผมพบมาตั้งแต่ปี 2551.
ที่พัทยาคราวนี้ผมมาพบความหยาบคายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยอีกเหมือนกัน ทั้งบนเวทีปราศรัยที่กรุงเทพฯ และที่พัทยา แถมได้พบตรงๆแบบด่าใส่หน้าบนสนามหญ้าของโรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดอาเซียนด้วย
ผมก็คิดว่าคุยไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอผู้หยาบคายมีแต่อารมณ์ร้าย ผมคุยกับชายวัยใกล้เคียงกับผม (ปี 2552 ผมอายุ 60 ปี) ชายคนนี้เป็นชาวสุพรรณบุรี บ้านเดียวกับผม เขาบอกว่า ที่สุพรรณบุรี สมาชิกพรรคไทยรักไทยที่แพ้การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นผู้จัดรวบรวมและขนชาวสุพรรณฯมาร่วมชุมนุม โดยดูแลความสะดวกต่างๆ แต่เขายืนยันว่าไม่มีการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสดตามที่เป็นข่าว
ผมพยายามอธิบายหลักวิชาการประชาธิปไตยว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองนั้นทำได้ แต่ความหยาบคายนั้นสร้างแต่ความโกรธไม่สร้างความเข้าใจอันดี เพราะการด่าไม่มีข้อมูลให้ช่วยคิดอะไรใหม่ได้ การไล่นายกฯอภิสิทธิ์ออกเพราะบอกว่าเป็นคนเลวก็ไม่ถูก เพราะนายกฯอภิสิทธิ์เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ ไม่มีเรื่องทุจริตเหมือนคุณทักษิณ
ดังนั้นการที่จะไล่นายกอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่งก็ต้องทำด้วยเหตุแห่งความด้อยประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ต้องทำความเข้าใจว่าการประท้วงเป็นเพียงการแสดงความเห็นเท่านั้น ส่วนการจะให้ลาออกได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ต้องผ่านกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้องแท้จริง คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร หรือการยุบสภาแล้วลาออกเองโดยนายกรัฐมนตรี
ผู้มาประท้วงไม่มีสิทธิ์สร้างเป็นเงื่อนไขในการประท้วงว่าการจะล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกนั้นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรทำ และต้องไม่ทำ
มาถึงเวทีการประท้วงซึ่งอาศัยหลังคารถบรรทุกเป็นที่ยืนปราศรัย ผู้ปราศรัยนำโดยคุณอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เช่นเดิม เห็นหน้าคุณอริสมันต์อีกครั้งผมก็หมดความเชื่อถือในสัจจะวาจาที่เคยให้ไว้เมื่อวาน ผมเชื่อในใจว่าคุณอริสมันต์จริงใจกับอาเซียนเมื่อวันวานที่ถอยกำลังกลับไป แต่ก็มั่นใจว่าคุณทักษิณมีอำนาจสั่งการเหนือกว่า แล้วสั่งผ่านผู้นำบนเวทีอภิปรายหน้าทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ
ผมเชื่อว่าการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นของติดไม้ติดมือกลับไปตามที่คุณทักษิณต้องการนั้นคงจะถือเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ
ไม่ว่าจะอ้างเงื่อนไขอะไร เมื่อวันวานผู้ประท้วงสร้างเงื่อนไขเพียงขอยื่นหนังสือประท้วง แต่มาวันนี้ผู้ประท้วงขอขัดขวางการประชุม หากไม่จับตัวคนที่ทำให้พวกเสื้อแดงเสียชีวิตในการปะทะกันที่พัทยา โดยอ้างว่ามีพวกเสื้อแดงเสียชีวิตจริง แต่ข้อเท็จจริงต้อนนั้นไม่มีใครทราบ ผมเองทราบเป็นส่วนตัวเพราะพบเห็นโดยตรงว่าพวกเสื้อแดงตีชาวพัทยามือฉีกเลือดโชกไปหนึ่งคน หนุ่มพัทยาที่รับผ้าเช็ดหน้าจากผมไปห้ามเลือดย่อมยืนยันได้
ความจริงในวันต่อมาก็พบว่าไม่มีใครเสียชีวิตตามที่คุณอริสมันต์ประกาศเอาเป็นเงื่อนไขการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน แต่ในขณะที่มีการสร้างข่าวสร้างเงื่อนไขเรื่องเสื้อแดงตายอยู่ในหมู่ฝูงชนที่กำลังเดือดดาลอยู่นั้น คุณอริสมันต์ก็พาฝูงชนบุกเข้าทุบทำลายประตูทางเข้าอาคารด้านหน้าของโรงแรมที่ประชุม กระจกบานประตูแตกละเอียด กระจัดกระจาย
คุณอริสมันต์พามวลชนเดินพล่านไปทั่วอาคาร ตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปทั่ว ผมกับทีมงานและคณะนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์หลบอยู่ในห้องอาหารของสื่อมวลชน ซึ่งทั้งหมดใช้อาคารส่วนหน้าของโรงแรมนี้เป็นศูนย์ทำงานของเหล่าสื่อมวลชนรวมนับพันคนจากทั่วโลกความกร้าวกร่างและรุนแรงของพวกเสื้อแดงถูกบันทึกไว้โดยสื่อมวลชนทั่วโลกที่มาชุมนุมทำข่าวอาเซียนกันอยู่แล้ว
ณ นาทีนั้นบรรดาผู้นำชาติอาเซีียนและประเทศคู่เจรจาถูกพาหนีออกจากโรงแรมไปทั้งทางเรือ และทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ ท่านนายกรัฐมนตรี Kevin Rudd กำลังเดินทางมาจากออสเตรเลียใกล้จะถึงพัทยาแล้ว พอได้ข่าวการก่อความวุ่นวายของพวกเสื้อแดง ท่านก็สั่งหันหัวเครื่องบินกลับออสเตรเลียกลางอากาศโดยฉับพลัน
คุณทักษิณใช้คุณอริสมันต์ทำลายที่ประชุมสุดยอดอาเซียนโดยเฉพาะเจาะจง และ ทำลายอาเซียนโดยรวม จนคุณทักษิณและคุณอริสมันต์ถือว่าฝ่ายตนได้รับชัยชนะ.
แต่ในความเห็นของผมนั้น คุณทักษิณพ่ายแพ้ยับเยิน จากพฤติกรรมที่ก่อขึ้นครั้งนี้.
คุณทักษิณประพฤติตัวน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในระดับชาติ ระดับอาเซียน และระดับโลก.
คุณทักษิณไม่สำนึกเลยว่าตัวเองเคยร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนมาแล้วถึง 6 ครั้ง มากกว่านายกรัฐมนตรีคนใดๆของไทย.
คุณทักษิณไม่มีจิตสำนึกอะไรเลยต่องานที่ตัวเองทำให้อาเซียนและประเทศไทยนานถึง 6 ปี.
คุณทักษิณไม่เคยคิดถึงคุณความดีของตัวเองที่เคยทำไว้ต่ออาเซียนบ้างเลย.
ผมไม่มีทางเห็นเป็นอื่น ผมจะสรุปว่าคุณทักษิณเป็นคนดีของอาเซียนไม่ได้เลย.
ผมได้เห็น รู้จัก และวิเคราะห์คุณทักษิณ มานาน 25 ปี แล้ว.
ผมผิดหวังมากในความเป็นมนุษย์ของคุณทักษิณก็คราวนี้ ที่พัทยา.
สำหรับอาเซียนและประเทศไทยนั้นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียหายมหาศาลด้วยแน่นอน การประชุมสุดยอดอาเซียน+6 ล้มล่มลงอย่างน่าเสียใจเป็นที่สุด โลกชะงักงันต่อโอกาสในการประชุมแก้ปัญหาวิกฤติการเงินที่ทั้งโลกและอาเซียนเผชิญอยู่ อาเซียนต้องหยุดกระบวนการทำงานที่สำคัญที่สุดในรอบ 42 ปี
อาเซียนที่กำเนิดที่ประเทศไทย.
ไม่เคยมีสิ่งใดมาแผ้วพาน.
แต่แล้วเมื่ออายุได้ 42 ปี อาเซียนก็กลับมาสู่มาตุภูมิ.
แล้วถูกประชาชนลูกหลานผู้ให้กำเนิดทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส.
รัฐบาลไทยของผม คือรัฐบาลของท่านนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียหายอย่างหนักที่สุด
ในนามของประเทศไทย เราจะไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้วในการทำงานเพื่ออาเซียน หน้าที่ของเราต่อไปนี้ก็คือทำงานหนักเพื่อกลับไปร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนให้เหมือนสมาชิกปรกติธรรมดาให้ได้ในอนาคต คุณทักษิณไม่มีทางจะกลับมาเป็นผู้นำประเทศไทยและร่วมอยู่ในสมาคมอาเซียนได้อีกเลยเพราะคุณทักษิณเป็นผู้ทำลายอาเซียน
อนาคตที่เราจะกลับเข้าสู่ความอบอุ่นของอาเซียนนั้นอยู่ข้างหน้า แต่อยู่ยาวไกลมากๆ เพราะชื่อเสียงเกียรติภูมิของราชอาณาจักรไทยเสียหายหมดสิ้นแล้ว ชื่อเสียงที่ว่าหมดสิ้นแล้วนั้นเป็นความจริงที่ชาวโลกกำหนด แต่เราก็จำจะต้องสร้างชื่อเสียงขึ้นใหม่ได้ แม้จะใช้เวลานานเพียงไรก็ตาม
ผมเห็นว่าคนรุ่นปัจจุบันที่เป็นผู้สนับสนุนคุณทักษิณ เป็นคนขาดเหตุผล ด้อยความรู้เรื่องประชาธิปไตย ขาดวัฒนะธรรมสังคมประชาธิปไตย เขาเป็นผู้ทำลายเกียรติภูมิของชาติของตนและทำลายศักดิ์ศรีของตนเองในฐานะพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย จะแก้ไขคนเสื้อแดงเหล่านั้นให้กลับมามีจิตสำนึกถึงอาเซียนและประเทศชาติได้ก็โดยการเพิ่มการศึกษาอบรม เขาต้องหาความรู้เพิ่มเติมให้มากๆเพื่อให้เป็นคนมีเหตุผลและมีวัฒนธรรมและสามารถดำเนินชีวิตในสังคมประชาธิปไตยได้
เรื่องนี้ทำได้ แม้จะยากยิ่ง เพราะต้องใช้เวลาและต้องตั้งใจพัฒนาตนเองให้หลุดพ้นจากอารมณ์ที่เกิดจากการรับข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆ
คุณทักษิณและผู้สนับสนุนทั่วประเทศจะต้องมีความพร้อมที่จะวิเคราะห์ตัวเองด้วยหลักปรัชญาประชาธิปไตย ต้องมีความพร้อมในการเรียนรู้หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงกันใหม่
ที่พัทยา ณ เวลานั้นมันสายเกินไปแล้ว เพราะอารมณ์มาอยู่เหนือสติยั้งคิด จะเรียนรู้พัฒนาตนเองให้อยู่ในสังคมประชาธิปไตยตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว
จึงควรต้องให้โอกาสตัวเองก่อร่างสร้างความเป็นประชาธิปไตยกันใหม่
ผมขอมอบประเทศไทยและอาเซียนให้กับคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเลือกใส่เสื้อสีอะไร หรือจะยึดมั่นในอุดมการณ์ทางการเมืองแบบใด คนรุ่นใหม่จะต้องเริ่มเรียนรู้อย่างจริงจังต่อสถานการณ์และความล้มเหลวของคนรุ่นผมคือคนรุ่นปัจจุบัน
เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2551-2552 นั้น ต้องเป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ที่จะต้องศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดลึกซึ้ง เพื่อสร้างสังคมประชาธิปไตยที่สงบงดงามให้เกิดขึ้นให้จงได้
การศึกษาเท่านั้นที่สร้างสังคมและวัฒนธรรมประชาธิปไตยขึ้นได้ … ในราชอาณาจักรไทย
สมเกียรติ อ่อนวิมล
พัทยา
11 เมษายน 2552
ปรับแก้เพื่อเผยแพร่ครั้งที่สอง
9 ธันวาคม 2554
เผยแพร่ครั้งที่สาม
11 เมษายน 2556
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |