เรียกว่าจบแล้ว แม้ยังไม่ถึงวันพุธที่ 18 กันยายนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมทั่น ส.ส.ชุดที่ 25 ปีที่ 1 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ พิจารณา ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ผู้นำฝ่ายค้าน กับคณะ 205 คนล่าชื่อเสนอ เพราะเอกสารข่าวล่าสุดของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่ 20/2562 ซึ่งมีความยาวเพียง 2 หน้านิดๆ เรียกว่ามีแต่เรื่องดุเด็ด เผ็ดมันส์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะมติเรื่องที่ 1 และ 2 ซึ่งก็เป็นเรื่องในท่วงทำนองเดียวกันคือ การถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อม ครม.นั่นแล ...๐

โดยผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญสรุปได้สั้นๆ แต่ได้ใจความ ว่า “การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำทางการเมือง (Political Issue) ของคณะรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์ อันอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาล (Act of Government)… การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ...๐

ที่สำคัญคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมผูกพันทุกองค์กร แต่ดูเหมือน “สุทิน คลังแสง” ประธานวิปฝ่ายค้านจะตีความเข้าข้างตัวเองว่า เมื่อศาลไม่รับเรื่องไว้ ก็เป็นความชอบธรรม! ของสภาที่จะอภิปรายเนื้อหาได้กว้างขึ้นกว่าเดิม แหม! อยากให้ถึงวันที่ 18 ก.ย.เร็วๆ จัง เพราะ อยากเห็นทั่นผู้แทนฯ ที่อาจหาญอภิปรายเรื่องนี้อย่าง “ถึงพริกถึงขิง” สมราคาคุยเพียงไหน แต่อยากเตือนไว้ อย่าลืมว่ามี “ซามูไรทางกฎหมาย” อย่าง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รอรับดาบที่ฟาดฟันเรื่อง “ละเมิด” อำนาจศาลอยู่นะจ๊ะ ...๐

กงเกวียนกำเกวียนได้เวียนมาบรรจบแล้ว แม้เวลาจะผันผ่านมาถึงกว่า 10 ปีกับคดีคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีชรีสอร์ท เมืองพัทยา วันที่ 11 เม.ย.2552 เมื่อ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์จำคุกจำนวน 13 คน เป็นเวลา 4 ปี ไม่รอลงอาญา แต่จำเลยโด่งดังอย่าง “อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง” หรือพี่กีร์ ที่ใจไม่ด้านพอ กลับไม่มาฟังคำตัดสิน โดยให้เหตุผลเรื่องสุขภาพว่าด้วย “โรคเวียนศีรษะ บ้านหมุน” เหมือนกับ “หลวงพี่นะจ๊ะ” อย่างไรอย่างนั้น ...๐

ในขณะที่โลกออนไลน์ก็ได้ประกาศตามหาคนหายอย่าง “พี่กีร์” อย่างมาก พร้อมตั้งคำถามว่ายังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมจะถามและตั้งข้อสงสัยดังกล่าว เพราะในเฟซบุ๊กของ “อริสมันต์” ล่าสุดนั้นคือวันที่ 8 ก.ย. ที่ได้มีการโพสต์ภาพขณะร่วมงานแต่งงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งก่อนจะเงียบหายไปเลย แล้วยิ่ง ดูประวัติของ “นายใหญ่-นายหญิง” ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์มาแล้ว ก็จึงเป็นธรรมดาที่ต่างจะคาดเดาว่า “ข้าทาส” อาจมีการลอกเลียนแบบนาย ก็ได้ ...๐

ลูกหาบ-สมุนต่างรับกรรม แต่ดูเหมือน “นายใหญ่นายเหลี่ยม” จะไม่สะทกสะท้อนแต่ประการใด เพราะล่าสุด "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์ภาพควงบิดาที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมข้อความว่า “มังงะกับพ่อในสิงคโปร์” อ้าว ดูกันไว้ทั้ง “พี่กีร์” ที่ถูกจำคุก 4 ปี และ “ตุ๊ดตู่” ที่ถูกฟ้องค่าเสียหายจนร่ำๆ ว่าจะล้มละลายแล้ว เพราะยังมีผลกรรมอีกหลายดอกที่จะเช็กบิลอยู่ ...๐

ไม่รู้ว่าจะเป็นนิยายเรื่องยาวหรือไม่อย่างไรสำหรับชีวประวัติของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรฯ เพราะดูเหมือนเรื่องที่เคยสร่างซาไปแล้วรอบหนึ่งกลับมาดุเดือดขึ้น อีกรอบในช่วงนี้ แล้วที่สำคัญเป็นการจุดพลุจากสื่อแดนจิงโจ้-ออสเตรเลีย ซึ่งก็มีคนตั้งข้อสังเกตให้น่าคิดเช่นกันว่า ทำไมเรื่องดังกล่าวกลับเลือกจังหวะจะโคนออกมาในช่วงเพลานี้ ที่สารพัดเรื่องสารพัดราวอยู่ในช่วงโค้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น “นายกฯ จะชี้แจงปมถวายสัตย์ฯ” หรือคดีถือหุ้นสื่อของพ่อฟ้า ...๐ นี่ยังไม่นับรวมก่อนหน้านี้ที่ สื่อออสเตรเลียมีลักษณะจงใจสร้างความเสียหายมากกว่าเสนอข้อมูลเท็จจริง อย่างกรณีนักฟุตบอลบาห์เรนนั่งเครื่องบินจากออสเตรเลียเข้ามาไทย แล้วโดนเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัว เพราะมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของบาห์เรน ซึ่งมีการตีข่าวด่าไทยอย่างสาดเสียเทเสียในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่สุดท้ายเมื่อเฉลยออกมากลับเป็นความผิดพลาดของ “ออสเตรเลีย” เอง ซึ่งครานั้นบรรดา นักเคลื่อนไหวและเอ็นจีโอที่พาเหรดกระทืบประเทศตัวเองไม่เห็นแสดงความรับผิดชอบอะไรกันเลย ประเทศไทยโอนลี่จริงๆ ...๐

...ท.ศักดิ์